ข่าวเศรษฐกิจ

เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2560 ศาลรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ในบางรัฐ อาทิ รัฐนิวยอร์ก และรัฐเวอร์จิเนีย ใช้อำนาจตามระบบตรวจสอบและถ่วงดุลของสหรัฐฯ ออกคำสั่งให้สิทธิ์พักพิงฉุกเฉินเป็นการชั่วคราวแก่พลเมือง 7 ประเทศ คือ อิรัก อิหร่าน ซีเรีย เยเมน โซมาเลีย ซูดาน และลิเบีย ที่ถูกคำสั่งระงับการออกวีซ่าและห้ามเข้าสหรัฐฯ ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยคำสั่งของศาลดังกล่าวจะยับยั้งไม่ให้เจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางสหรัฐฯ ส่งตัวพลเมืองที่มาจาก 7 ประเทศดังกล่าวที่เดินทางมาถึงสหรัฐฯ แล้ว และมีวีซ่าอย่างถูกต้อง ออกนอกสหรัฐฯ ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2560 ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งบริหารระงับการออกวีซ่าและห้ามพลเมืองจาก 7 ประเทศเดินทางเข้าสหรัฐฯ เป็นเวลา 90 วัน ยกเว้นเจ้าหน้าที่ของรัฐและเจ้าหน้าที่การทูต พร้อมทั้งระงับการเดินทางเข้าสหรัฐฯ ของผู้ลี้ภัยจากทุกประเทศเป็นเวลา 120 วัน ส่วนผู้ลี้ภัยชาวซีเรียถูกห้ามเดินทางเข้าสหรัฐฯ อย่างไม่มีกำหนด หรือจนกว่าประธานาธิบดีทรัมป์จะเห็นว่าไม่เป็นภัยคุกคาม เพื่อเป็นการปกป้องสหรัฐฯ จากภัยก่อการร้าย โดยในระหว่างนี้รัฐบาลสหรัฐฯ จะพิจารณาออกกฎระเบียบใหม่ที่ประธานาธิบดีทรัมป์เรียกว่า “Extreme Vetting” หรือระบบคัดกรองอย่างเข้มข้นเพื่อตรวจสอบประวัติของผู้ยื่นคำร้องเข้าประเทศสหรัฐฯ อย่างละเอียด ซึ่งคำสั่งของประธานาธิบดีทรัมป์เป็นเหตุให้มีผู้โดยสารที่เป็นพลเมืองของ 7 ประเทศดังกล่าวราว 100-200 คนตกค้างอยู่ที่สนามบินต่างๆ ในสหรัฐฯ ขณะที่ส่วนหนึ่งถูกห้ามขึ้นเครื่องบินเพื่อเดินทางมายังสหรัฐฯ ทั้งนี้ หลังการออกคำสั่งดังกล่าว กระทรวงการต่างประเทศของอิหร่านได้ออกแถลงการณ์ประณามคำสั่งของประธานาธิบดีทรัมป์และกล่าวว่าอิหร่านจะดำเนินนโยบายตอบโต้สหรัฐฯ ในระดับเดียวกัน โดยจะมีการประกาศมาตรการอย่างเป็นทางการในอนาคตอันใกล้นี้ (Bloomberg, ผู้จัดการออนไลน์, เดลินิวส์ออนไลน์, กรุงเทพธุรกิจ, 27-30 ม.ค. 2560)