ข่าวเศรษฐกิจ
สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยว่า การพัฒนาพื้นที่ภาคตะวันออกจะทำให้ความต้องการใช้น้ำเพิ่มขึ้น จึงต้องเตรียมการจัดหาน้ำสำรองโดยมีแผนจะผลิตน้ำจืดจากน้ำทะเล เพื่อเตรียมรองรับความต้องการใช้น้ำจืดที่จะเพิ่มขึ้นใน 20 ปี ทั้งนี้ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งได้รับมอบหมายให้ศึกษาโครงการดังกล่าวและเสนอแนวทางการใช้น้ำจืดที่ผลิตจากน้ำทะเลร่วมกับการบริหารจัดการน้ำต้นทุนอื่นเพื่อรองรับความต้องการใช้น้ำในชลบุรีและระยองอย่างมีประสิทธิภาพ ได้เสนอให้ตั้งโรงผลิตน้ำจืดจากทะเลในบริเวณพื้นที่มาบตาพุด Site B นอกเขตนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดซึ่งมีระยะห่างจากนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด 0.7 กิโลเมตร ทางทิศตะวันตกของท่าเทียบเรือมาบตาพุด ส่วนอัตรากำลังการผลิตน้ำจืดจากน้ำทะเลที่เหมาะสมเมื่อพิจารณาจากความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้นพบว่า ในปี 2570 จำเป็นต้องพัฒนาระบบการผลิตน้ำจืดจากน้ำทะเลไม่น้อยกว่าวันละ 1 แสนลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) และในปี 2580 ไม่น้อยกว่าวันละ 2 แสน ลบ.ม. และควรพัฒนาระบบสำรองเพิ่มเติมในปีที่มีปริมาณน้ำน้อยอีกวันละ 1 แสน ลบ.ม. รวมทั้งพัฒนาระบบการผลิตน้ำจืดจากน้ำทะเลบนพื้นที่บริเวณพัทยา-ชลบุรี อีกวันละ 1 แสน ลบ.ม. ซึ่งเมื่อรวมกับแหล่งน้ำสำรองที่มีอยู่ในพื้นที่ จะทำให้มีน้ำเพียงพอต่อความต้องการ แต่ยังมีโอกาสขาดแคลนน้ำในกิจกรรมการใช้น้ำอื่นที่ไม่ได้ใช้ระบบการผลิตน้ำจืดจากน้ำทะเลที่ 20% ของช่วงเวลา (กรุงเทพธุรกิจ, 7 ก.พ. 2565)