ข่าวเศรษฐกิจ
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือน มี.ค. 2565 ปิดตลาดวันที่ 14 ก.พ. 2565 ปรับตัวขึ้น 2.36 ดอลลาร์สหรัฐ เป็นบาร์เรลละ 95.46 ดอลลาร์สหรัฐ แตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 7 ปี ท่ามกลางความกังวลว่าสหรัฐฯ และชาติตะวันตกอาจคว่ำบาตรรัสเซีย หากมีการโจมตียูเครน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกน้ำมันจากรัสเซีย นอกจากนี้ สำนักงานพลังงานสากล (IEA) ยังรายงานว่า ในเดือน ม.ค. 2565 ส่วนต่างระหว่างผลผลิตของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและชาติพันธมิตร (OPEC+) กับเป้าหมายที่วางไว้ได้เพิ่มขึ้นเป็นวันละ 900,000 บาร์เรล ขณะที่ JP Morgan รายงานว่า ส่วนต่างดังกล่าวเฉพาะของกลุ่ม OPEC อยู่ที่วันละ 1.2 ล้านบาร์เรล โดย 7 จาก 10 ประเทศในกลุ่ม OPEC ยังเพิ่มเพดานการผลิตไม่ได้ตามโควตา โดยเฉพาะอิรัก ซึ่งความเสี่ยงดังกล่าวอาจทำให้ราคาน้ำมันพุ่งไปถึงบาร์เรลละ 125 ดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัยการลงทุน บล.ไทยพาณิชย์ เห็นว่าราคาน้ำมันบาร์เรลละ 120 ดอลลาร์สหรัฐจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อรัสเซียบุกยึดยูเครนเท่านั้น ซึ่งมีโอกาสเพียง 20-30% แต่หากไม่เกิดเหตุดังกล่าวก็เป็นไปได้ยากที่ราคาน้ำมันจะขึ้นถึงบาร์เรลละ 120 ดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากการระบาดของ COVID-19 สายพันธุ์โอมิครอน และต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ทั้งต้นทุนทางการเงินจากการที่ธนาคารกลางต่างๆ ส่งสัญญาณจะขึ้นดอกเบี้ย และต้นทุนการผลิตจากราคาสินค้าโภคภันฑ์ต่างๆ ที่เพิ่มขึ้น ล้วนเป็นปัจจัยกดดันเศรษฐกิจและราคาน้ำมัน (กรุงเทพธุรกิจ, https://siamrath.co.th และ https://mgronline.com, 15 ก.พ. 2565)