ข่าวเศรษฐกิจ
สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) แสดงความกังวลว่า หากสถานการณ์ระหว่างรัสเซียกับยูเครนบานปลายราคาน้ำมันอาจพุ่งถึงบาร์เรลละ 150 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อทั่วโลก ทั้งยังซ้ำเติมภาวะเงินเฟ้อที่เกิดขึ้น สำหรับผลกระทบกับไทยซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันเกือบ 90% เมื่อน้ำมันดิบแพงขึ้นบาร์เรลละ 1 ดอลลาร์สหรัฐ ประเมินว่าจะทำให้ราคาค้าปลีกสูงขึ้นลิตรละ 20-25 สตางค์ สอคล้องกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ที่ระบุว่าสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครนกระทบเศรษฐกิจทั่วโลก เพราะทำให้ความต้องการสินค้าในตลาดโลกลดลง และจะมีผลต่อการส่งออกของไทยในระยะถัดไป โดยเฉพาะตลาดสำคัญ เช่น สหรัฐฯ EU จีน และอาเซียน ส่วนผลกระทบที่เห็นชัดคือราคาน้ำมันปรับขึ้นถึงบาร์เรลละ 115 ดอลลาร์สหรัฐ และมีโอกาสทะลุบาร์เรลละ 120 ดอลลาร์สหรัฐ กระทบต่อราคาน้ำมันในไทยลิตรละ 5-7.50 บาทเมื่อเทียบกับปลายเดือน ก.พ. 2565 ส่งผลให้ผู้บริโภคไม่กล้าจับจ่ายใช้สอยเพราะสินค้าแพง ทั้งนี้ จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยพบว่า ราคาเบนซินต่อลิตรที่เพิ่มขึ้นทุก 1 บาท จะส่งผลต่อ GDP 0.1% ในปีนั้น ในขณะที่ราคาดีเซลต่อลิตรที่เพิ่มขึ้นทุก 1 บาท จะส่งผลต่อ GDP 0.2% หากเหตุการณ์สงครามครั้งนี้ยืดเยื้อราว 3 เดือน จะส่งผลให้ GDP ทั้งปี 2565 ลดลงอีก 0.2% จากที่ประมาณการไว้ (กรุงเทพธุรกิจ, 7 มี.ค. 2565)