ข่าวเศรษฐกิจ
จากความกังวลต่อสถานการณ์การขนส่งสินค้าและปริมาณน้ำมันทั่วโลกจากผลของสงครามรัสเซีย-ยูเครนนั้น กรมธุรกิจพลังงานได้ประสานกับผู้ค้าน้ำมันเพื่อเตรียมประกาศเพิ่มอัตราสำรองน้ำมันเชื้อเพลิงตามกฎหมาย น้ำมันดิบจาก 4% เป็น 5% และน้ำมันสำเร็จรูปจาก 1% เป็น 2% โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างรับฟังความคิดเห็นจากผู้ค้าน้ำมัน คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายใน 1 สัปดาห์ ซึ่งการเพิ่มปริมาณสำรองน้ำมันทุก 1% จะทำให้ราคาจำหน่ายปลีกน้ำมันสำเร็จรูปในประเทศเพิ่มขึ้นลิตรละ 60 สตางค์ ทั้งนี้ ปัจจุบันไทยมีปริมาณน้ำมันดิบและมีปริมาณน้ำมันสำเร็จรูปคงเหลือ (รวมที่อยู่ระหว่างการขนส่ง) เพียงพอต่อความต้องการใช้น้ำมันของประเทศได้ถึง 61-66 วัน ส่งผลให้ไทยมีน้ำมันใช้เพียงพอไม่ขาดแคลน ขณะเดียวกัน กลุ่มอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ระบุว่า ในปี 2564 โรงกลั่นน้ำมันในประเทศใช้น้ำมันดิบจากตะวันออกกลางถึง 52% ของน้ำมันดิบทั้งหมด และใช้น้ำมันดิบจากรัสเซียเพียง 3% เท่านั้น อีกทั้งที่ผ่านมาโรงกลั่นในประเทศสามารถจัดหาน้ำมันได้เพียงพอต่อความต้องการใช้อย่างสม่ำเสมอ แม้กระทั่งในช่วงที่เกิดปัญหาในกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันดิบรายใหญ่ในตะวันออกกลางอย่างปัญหาช่องแคบเฮอร์มุซ ขณะเดียวกันความต้องการใช้น้ำมันของไทยยังได้รับแรงกดดันจากหลายปัจจัย ทั้ง COVID-19 และราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นในช่วงที่ผ่านมา กลุ่มโรงกลั่นฯ จึงมีความเห็นว่ายังไม่มีความจำเป็นต้องปรับเพิ่มอัตราสำรองน้ำมันตามกฎหมายในขณะนี้ เพราะการเพิ่มสำรองน้ำมันกว่า 600 ล้านลิตรในขณะที่ราคาน้ำมันอยู่ในระดับสูง นอกจากจะเพิ่มต้นทุนค่าน้ำมัน และต้นทุนการจัดเก็บและดูแลรักษาแล้ว ยังเพิ่มความเสี่ยงให้ธุรกิจโรงกลั่นฯ ขาดทุนสต็อกน้ำมันในอนาคตเมื่อราคาน้ำมันปรับลดลงสู่ภาวะปกติ (ประชาชาติธุรกิจ, 23-25 มี.ค. 2565)