ข่าวเศรษฐกิจ
สมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยในพระบรมราชูปถัมภ์เปิดเผยว่า ตลาดรับเหมาก่อสร้างมีมูลค่ารวมราวปีละ 1.36-1.53 ล้านล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นงานรับเหมาภาครัฐ 60% หรือราว 8.16-9.18 แสนล้านบาท ซึ่งกำลังได้รับผลกระทบอย่างหนักจากสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ทำให้ต้นทุนวัสดุเหล็กและค่าขนส่งเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากปัญหาน้ำมันแพง และเป็นต้นทุนที่เกิดขึ้นหลังจากที่ทำสัญญาก่อสร้างไปแล้ว สมาคมฯ จึงได้ทำหนังสือ 2 ฉบับ เพื่อขอให้รัฐบาลให้ความช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้างภาครัฐ โดยมีรายละเอียดดังนี้
1) ให้ภาครัฐเร่งรัดพิจารณาการคำนวณเงินชดเชยค่างานก่อสร้างหรือ ค่า K โดยยกเลิกเพดานสูงสุดของค่า K ที่ 4% เป็นการชั่วคราว ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2563-ธันวาคม 2565 โดยขอให้มีผลใช้กับโครงการที่กำลังดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง ณ ปัจจุบันและในอนาคต รวมถึงโครงการที่ยังมีนิติสัมพันธ์อยู่และยังไม่ได้ส่งมอบงานงวดสุดท้าย ขอให้ใช้ฐานดัชนีราคาในเดือนที่คิดราคากลางในการคำนวณ ค่า K แทนการใช้ดัชนีราคาในเดือนที่เปิดซองประกวดราคา รวมทั้งให้เร่งจ่ายเงินค่า K โดยมีกำหนดเวลาที่ชัดเจน เพราะปัจจุบันมีเงินตกค้างอยู่เป็นจำนวนมาก บางโครงการหน่วยงานรัฐค้างจ่ายนานเกิน 4 ปี ทำให้ผู้รับเหมาคู่สัญญามีปัญหาขาดสภาพคล่องทางการเงินอย่างรุนแรง
2) ขอให้กรมบัญชีกลางผ่อนผันข้อกำหนดในการใช้เหล็กเส้นจากผู้ผลิตในประเทศสัดส่วน 90% เป็นเวลา 2 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2565-31 ธ.ค. 2566 เนื่องจากที่ผ่านมานอกจากราคาเหล็กเส้นปรับขึ้นถึง 60% แล้ว ยังเกิดปัญหาขาดแคลนเหล็กในประเทศ ทำให้งานล่าช้า การวางแผนก่อสร้างไม่เป็นไปตามเป้าหมายจนไม่สามารถเบิกค่างวดงานก่อสร้างได้
(ประชาชาติธุรกิจ, 2-5 เม.ย. 2565)