ข่าวเศรษฐกิจ

บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC คาดว่าผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2565 จะยังเติบโตต่อเนื่อง จากธุรกิจหลักทั้งธุรกิจเคมีภัณฑ์ ธุรกิจบรรจุภัณฑ์ และธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ที่มีความต้องการใช้เพิ่มขึ้นหลังจากไทยเปิดประเทศเมื่อวันที่ 1 พ.ค. 2565 และเศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียนที่ฟื้นตัวดีขึ้นเช่นกัน อย่างไรก็ตาม อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นจะเป็นปัญหาใหญ่ในช่วง 3-6 เดือนข้างหน้า เพราะทำให้ผู้บริโภคมีกำลังซื้อลดลง บริษัทฯ จึงหันมาเน้นการปรับลดต้นทุนการผลิต โดยหันไปใช้เชื้อเพลิงทางเลือกอย่างพลังงานชีวมวลแทนการใช้ถ่านหิน คาดว่าสิ้นปี 2565 บริษัทฯ จะมีการใช้เชื้อเพลิงชีวมวลคิดเป็น 50% ของการใช้พลังงานทั้งหมด จากปัจจุบันใช้เชื้อเพลิงชีวมวลอยู่ 30% นอกจากนี้ การที่จีนมีนโยบาย Zero COVID ทำให้ต้นทุนค่าขนส่งสูงขึ้น ซึ่งกระทบต่อการส่งออกเม็ดพลาสติกไปยังจีน บริษัทฯ จึงหันไปส่งออกเม็ดพลาสติกไป EU และแอฟริกาเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน Margin เม็ดพลาสติกพีวีซีก็ปรับสูงขึ้น หลังจากจีนลดลงกำลังการผลิตเม็ดพลาสติกพีวีซีจากถ่านหินลง ทั้งนี้ ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา โครงการลงทุนปิโตรเคมีขนาดใหญ่ได้หยุดการลงทุนลงหลังเกิดสงครามการค้าและการแพร่ระบาดของ COVID-19 แต่ปัจจุบันธุรกิจปิโตรเคมีมีแนวโน้มจะเข้าสู่วัฏจักรขาขึ้นอีกรอบ บริษัทฯ จึงคงงบลงทุนปี 2565 ไว้ที่ 65,000-85,000 ล้านบาท โดยจะใช้ลงทุนในโครงการ Long Son Petrochemicals Company Limited (LSP) ในเวียดนามเป็นหลัก ซึ่งปัจจุบันก่อสร้างไปแล้ว 93% คาดว่าจะเริ่มเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ภายในต้นปี 2566 นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้ยื่นขอลงทุนขยายกำลังการผลิตในโครงการ LSP ระยะที่ 2 แล้ว เนื่องจากมองว่าอุตสาหกรรมปิโตรเคมีในเวียดนามยังมีศักยภาพจะเติบโตได้อีกมาก (ผู้จัดการรายวัน 360 องศา, 11 พ.ค. 2565)