ข่าวเศรษฐกิจ

SCGC มุ่งเป้าผู้นำตลาดเคมีภัณฑ์ในอาเซียน-รุกกรีนพอลิเมอร์

บริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGC เปิดเผยว่าสงครามรัสเซีย-ยูเครนส่งผลให้ราคาน้ำมันในตลาดโลก รวมถึงราคาแนฟทา ซึ่งเป็นวัตถุดิบตั้งต้นของปิโตรเคมีสูงขึ้น ทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น 30-40% แต่คาดว่าราคาน้ำมันในตลาดโลกมีแนวโน้มคงตัวในระดับสูง โดยจะไม่สูงขึ้นไปกว่านี้แล้ว ทั้งนี้ ในไตรมาส 1/2565 บริษัทฯ ยังมีปริมาณจำหน่ายเพิ่มขึ้นจากความต้องการในตลาด ซึ่งบริษัทฯ มีจุดแข็งสำคัญที่มีฐานการผลิตในอาเซียนถึง 3 ประเทศ จึงมีความได้เปรียบในการเป็นตัวเลือกสำหรับผู้ซื้อในภูมิภาคนี้โดยไม่จำเป็นต้องแข่งขันด้านราคา ทั้งนี้ บริษัทฯ มีแผนขยายการลงทุนในไทยและอาเซียนอย่างต่อเนื่อง เพื่อมุ่งสู่การเป็นผู้นำตลาดเคมีภัณฑ์ในอาเซียน ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพการเติบโตดี โดยคาดว่าเวียดนามและอินโดนีเซียจะมีอัตราเติบโตทางเศรษฐกิจเฉลี่ยปีละ 5-6% ในช่วง 10 ปีข้างหน้า ซึ่งมากกว่าค่าเฉลี่ยการเติบโตของ GDP ทั่วโลกเกือบเท่าตัว อีกทั้งปัจจุบันอัตราการใช้พอลิเมอร์ในอาเซียนอยู่ที่เพียง 26 กิโลกรัมต่อคนต่อปี ต่ำกว่าใน EU และสหรัฐฯ 2-3 เท่า จึงยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก โดยเฉพาะในเวียดนามที่ยังต้องนำเข้าพอลิเมอร์ 75% และอินโดนีเซีย 50% เนื่องจากมีกำลังการผลิตในประเทศไม่เพียงพอ จึงเป็นโอกาสของ SCGC ในการขยายการลงทุน นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเน้นพัฒนากลุ่มสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม (HVA) ซึ่งจะเป็นสินค้าที่ทดแทนได้ยากและมี Margin สูง รวมถึงการพัฒนาด้านนวัตกรรมสีเขียว เช่น พอลิเมอร์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Polymer) ลดการเกิดขยะพลาสติกและพัฒนานวัตกรรมที่ตอบโจทย์ด้านคาร์บอนต่ำ โดยใช้ 4 แนวทาง คือ Reduce-Recyclable-Recycle-Renewable (กรุงเทพธุรกิจ, 25 พ.ค. 2565)

link อื่นๆ
  • Relate Preview
  • Relate Preview
Financial Products
  • Finance Preview
  • Finance Preview
  • Finance Preview