ข่าวเศรษฐกิจ
กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) เปิดเผยว่า หลังจากที่กรมฯ ได้ริเริ่มพัฒนาและผลักดันกฎกระทรวงการออกแบบอาคารเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน (Building Energy Code : BEC) เพื่อเป็นมาตรฐานในการก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่หรืออาคารดัดแปลงที่มีการใช้พลังงานสูง ด้วยการกำหนดมาตรฐานและหลักเกณฑ์และวิธีการออกแบบอาคาร เพื่อให้อาคารใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยกฎกระทรวงกำหนดประเภท หรือขนาดของอาคาร และมาตรฐาน หลักเกณฑ์ และวิธีการในการออกแบบเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2563 ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาตั้งแต่วันที่ 12 พ.ย. 2563 นั้น ล่าสุดคณะกรรมการควบคุมอาคารได้เห็นชอบการนำกฎกระทรวงฉบับดังกล่าวมาใช้บังคับกับการควบคุมอาคารตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร ซึ่งได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาไปเมื่อวันที่ 24 ม.ค. 2566 โดยเริ่มใช้บังคับกับอาคารขนาด 5,000 ตร.ม. ขึ้นไปก่อน และจะบังคับใช้กับอาคารขนาด 2,000 ตร.ม.ขึ้นไป ตั้งแต่วันที่ 13 มี.ค. 2566 เป็นต้นไป โดยอาคารขนาดใหญ่ 9 ประเภท ได้แก่ (1) สถานศึกษา (2) สำนักงาน (3) อาคารโรงมหรสพ (4) อาคารห้างสรรพสินค้าหรือศูนย์การค้า (5) อาคารสถานบริการ (6) อาคารชุมนุมคน (7) อาคารโรงแรม (8) สถานพยาบาล และ (9) อาคารชุด ที่มีพื้นที่ใช้สอยในอาคารรวมกันในหลักเดียวกัน ตั้งแต่ 2,000 ตร.ม.ขึ้นไป ต้องออกแบบให้มีการใช้พลังงานในแต่ละส่วนที่กำหนดให้เป็นไปตามเกณฑ์การใช้พลังงานตามมาตรฐานขั้นต่ำ และต้องมีผู้รับรองผลการประเมินด้านพลังงานที่ได้รับการรับรองจาก พพ. เป็นผู้รับรองข้อมูล เพื่อประกอบการยื่นตามขั้นตอนปกติในการขออนุญาตก่อสร้างอาคารตามกฎหมายควบคุมอาคาร ทั้งนี้ อาคารที่ออกแบบผ่านตามมาตรฐาน BEC จะมีต้นทุนค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 3-5% แต่จะประหยัดพลังงานได้ 10-20% ขึ้นอยู่กับวิธีการออกแบบอาคารและการเลือกใช้วัสดุว่าช่วยป้องกันความร้อนได้มากน้อยเพียงใด และคืนทุนไม่เกิน 3 ปี จึงมีความคุ้มค่าในระยะยาว (ผู้จัดการรายวัน 30 องศา, 2 ก.พ. 2566)