ข่าวเศรษฐกิจ
ตามที่สหรัฐฯ ได้ประกาศใช้กฎหมาย The Uyghur Forces Labor Prevention Act (UFLPA) ที่ห้ามการนำเข้าสินค้าจากเขตซินเจียงของจีน ด้วยเหตุผลการใช้แรงงานทาสและละเมิดสิทธิมนุษยชนตั้งแต่วันที่ 21 มิ.ย. 2565 โดยสินค้าที่สงสัยว่าจะมาจากเขตซินเจียงจะถูกคำสั่ง Withhold Release Order (WRO) ซึ่งสินค้าจะถูกกักที่ด่านนำเข้า และจะให้เวลาผู้นำเข้า 30 วัน ในการส่งสินค้ากลับไปยังประเทศต้นทาง หรือหาทางพิสูจน์ว่าสินค้าไม่ได้ผ่านการผลิตจากโรงงานที่ใช้แรงงานทาสในพื้นที่ หรือใช้วัตถุดิบจากพื้นที่ หากหน่วยงานศุลกากรและการป้องกันชายแดนสหรัฐฯ (Customs and Border Protection : CBP) เชื่อว่าเป็นสินค้าที่ไม่ได้ผลิตจากโรงงานทาสแล้ว CBP ต้องทำรายงานเสนอรัฐสภาภายใน 30 วัน แจ้งเหตุผลว่าเหตุใดจึงปล่อยผ่านสินค้า ส่วนผู้ฝ่าฝืน UFLPA จะถูกลงโทษที่อาจเป็นโทษอาญา โทษฐานฝ่าฝืนการควบคุมการนำเข้า นำสินค้าต้องห้ามเข้าสหรัฐฯ และบริษัทที่ทำผิดจะถูกห้ามส่งสินค้าเข้าสหรัฐฯ นั้น กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่าที่ผ่านมาสินค้าไทยยังไม่ได้รับผลกระทบจากมาตรการดังกล่าว แต่ปัจจุบันสหรัฐฯ ได้จับตาเรือสินค้าจาก 5 ประเทศ ประกอบด้วย จีน เวียดนาม ไทย มาเลเซีย และศรีลังกา ที่อาจนำสินค้าจากซินเจียงมาแปลงสัญชาติส่งไปสหรัฐฯ หรือใช้วัตถุดิบจากซินเจียง ทำให้สินค้าจากไทยถูกตรวจสอบเข้มข้นขึ้น กรมฯ จึงเฝ้าติดตามสถานการณ์นี้อย่างใกล้ชิด เพราะการตรวจที่เข้มข้นขึ้นอาจทำให้พบการฝ่าฝืนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับ UFLPA หรืออาจทำให้การนำเข้าพบอุปสรรค เสียเวลาเพิ่มขึ้นในการพิสูจน์ว่าไม่เกี่ยวข้องกับซินเจียง
ทั้งนี้ สินค้าสำคัญที่ออกจากพื้นที่ดังกล่าว คือ ฝ้าย (20% ของฝ้ายที่ใช้ทั่วโลก) มะเขือเทศ และ Polysilicon ซึ่งเป็นส่วนประกอบในการผลิตแผงโซลาร์ (45% ของ polysilicon ที่ใช้ทั่วโลก) ซึ่งสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) ระบุว่าผู้ส่งออกที่เกี่ยวข้องกับสินค้าที่อยู่ภายใต้มาตราการ UFLPA โดยเฉพาะอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มที่ต้องใช้เส้นฝ้ายมีการปรับตัวแล้ว โดยได้หาแหล่งวัตถุดิบจากประเทศอื่นมาทดแทน เช่น เวียดนาม และหากสินค้าไทยถูกสุ่มตรวจก็มีความเสี่ยงต่ำที่จะละเมิดมาตรการ UFLPA (www.bangkokbiznews.com, 24 มี.ค. 2566)