ข่าวเศรษฐกิจ

สศอ.ชี้สิ่งทอกลุ่มด้ายและผ้าคุณสมบัติพิเศษยังมีโอกาสโตในภาวะวิกฤต 

สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยภาพรวมการผลิตและส่งออกสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มของไทยว่าปรับตัวลดลงตั้งแต่เดือน พ.ย. 2565-เม.ย. 2566 ตลอดห่วงโซ่การผลิตติดต่อกันเป็นเดือนที่ 6 โดยในเดือน เม.ย. 2566 มีมูลค่าส่งออก 469.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หดตัว 14.0% จากช่วงเดียวกันของปี 2565 อย่างไรก็ตาม การส่งออกผลิตภัณฑ์ด้ายและผ้าคุณสมบัติพิเศษยังขยายตัว 1.5% เป็น 601.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2565 และยังมีแนวโน้มเติบโตในอนาคต ขณะเดียวกัน ผลิตภัณฑ์ด้ายและผ้าคุณสมบัติพิเศษยังมีมูลค่าส่งออกเป็นอันดับ 1 ในหมวดสิ่งทออื่นๆ ด้วยสัดส่วนกว่า 41.0% โดยมีตลาดส่งออกหลัก ได้แก่ ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย เวียดนาม สหรัฐฯ และอินเดีย นอกจากนี้ ไทยยังส่งออกด้ายและผ้าคุณสมบัติพิเศษมากเป็นอันดับ 1 ของอาเซียนและอันดับที่ 21 ของโลก

หากพิจารณาสินค้าในหมวดด้ายและผ้าคุณสมบัติพิเศษที่มีส่วนแบ่งตลาดมากที่สุดพบว่าผ้าไม่ถักไม่ทอ (Non-woven Fabric) เป็นหนึ่งในสินค้าที่ได้รับความนิยมสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะช่วงที่เกิดมลภาวะทางอากาศและช่วงที่ COVID-19 ระบาด เนื่องจากมีคุณสมบัติพิเศษ อาทิ กันน้ำ ทนไฟ สามารถกรองเชื้อโรค แบคทีเรีย และไวรัส รวมถึงฝุ่น PM 2.5 อีกทั้งเหมาะสำหรับใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตวัสดุสิ้นเปลืองทางการแพทย์ ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขอนามัย นอกจากนี้ ยังใช้สำหรับรองรับอุตสาหกรรม S-Curve และ New S-Curve เช่น อุตสาหกรรมรถยนต์ โดยใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตปลอกที่รองศีรษะในรถยนต์ ไส้กรอง และพรมปูพื้นรถยนต์ สำหรับอุตสาหกรรมการเกษตร จะใช้ผ้าไม่ถักไม่ทอผลิตถุงปลูกต้นไม้เพื่อช่วยให้อากาศและความชื้นระบายได้ดี รวมถึงลดความร้อนสะสมในดิน ดังนั้น จึงเป็นโอกาสที่ดีที่ผู้ประกอบการจะปรับกลยุทธ์เพื่อเจาะตลาดกลุ่มสินค้าที่มีมูลค่าสูงและมีโอกาสเติบโตอย่างผลิตภัณฑ์ที่ใช้ผ้าคุณสมบัติพิเศษเป็นวัตถุดิบ อาทิ สิ่งทอทางการแพทย์ประเภทหน้ากากอนามัย และหน้ากากอนามัยที่ใช้ในห้องผ่าตัด (bangkokbiznews.com, 1 ก.ค. 2566)

link อื่นๆ
  • Relate Preview
  • Relate Preview
Financial Products
  • Finance Preview
  • Finance Preview
  • Finance Preview