ข่าวเศรษฐกิจ

ราคายางพาราใกล้แตะ 50 บาท โรงงานแปรรูปต้นทุนพุ่ง-จ่อหยุด

แหล่งข่าวจากโรงงานอุตสาหกรรมแปรรูปยางพาราภาคใต้เปิดเผยว่า ปัจจุบันราคาน้ำยางสดขยับจากกิโลกรัม (กก.) ละ 43-44 บาท ในช่วงปลายเดือน ส.ค. 2566  เป็น 47-48 บาท ยางแผ่นดิบปรับขึ้นจาก กก.ละ 44 บาท เป็น 45-47 บาท และยางแผ่นรมควันจาก กก.ละ 48 บาท เป็น 50-51 บาทในช่วงเดียวกัน ส่วนราคาน้ำยางข้นได้ปรับขึ้นจากเดิม กก.ละ 43 บาท เป็น 47 บาท แต่ยังไม่คล่องตัวเนื่องจากไม่มีน้ำยางสดมาปั่นเป็นน้ำยางข้น อีกทั้งน้ำยางข้นไม่สามารถส่งจำหน่ายโรงงานเพื่อแปรรูปเป็นถุงมือยางได้ เนื่องจากตลาดถุงมือยางค่อนข้างซบเซา เพราะเมื่อ COVID-19 คลี่คลาย EU และสหรัฐฯ นิยมใช้ถุงมือยางสังเคราะห์ คือ ยางไนไตรล์มากกว่าถุงมือยางธรรมชาติ ขณะที่ปริมาณน้ำยางสดลดลงกว่า 50% ส่งผลให้โรงงานน้ำยางข้นต่างประสบภาวะขาดทุน โดยโรงงาน SMEs หลายแห่งต่างทยอยปิดตัวชั่วคราว และหลายรายเดินเครื่องจักรเพียงครึ่งเดียว 

ขณะเดียวกันเกษตรกรกลุ่มทำสวนธารน้ำทิพย์ สถาบันเกษตรกรแปรรูปยางพาราส่งออกต่างประเทศ เปิดเผยว่า ราคายางพาราโลกในตลาดซื้อขายล่วงหน้าปรับสูงขึ้นมาระยะหนึ่ง ส่งผลให้ตลาดซื้อขายยางพาราปรับขึ้นตาม เนื่องจากปริมาณน้ำยางน้อยหลังเกิดโรคยางใบร่วงอย่างต่อเนื่องจนน้ำยางสดหายไป 50% ประกอบกับเกษตรกรไม่สามารถกรีดยางได้ตามปกติเนื่องจากฝนตกหนัก อีกทั้งสวนยางพาราขาดแคลนแรงงานมาก บางพื้นที่ 100,000 ไร่ ขาดแคลนถึง 70% ทำให้น้ำยางสดเหลือ 20,000 กก. บางพื้นที่ที่เคยกรีดน้ำยางสดได้วันละ 40,000 กก. ก็ลดเหลือเพียง 2,000-3,000 กก. ส่งผลให้โรงงานแปรรูปยางพาราขาดวัตถุดิบในการผลิต นอกจากนี้ ในบางพื้นที่มีส่วนต่างระหว่างราคาน้ำยางสดกับยางแผ่นรมควันต่ำกว่า 5 บาท ทำให้โรงงานแปรรูปยางขาดทุนจึงไม่สามารถนำน้ำยางสดมาแปรรูปเป็นยางรมควันได้ เพราะการแปรรูปยางรมควันจะมีต้นทุนค่าแรงงาน ค่าวัตถุดิบอื่นๆ และค่าบริหารจัดการ รวมราว กก.ละ 5 บาท ทำให้ปัจจุบันโรงงานแปรรูปยางจะผลิตสินค้าตามที่รับคำสั่งซื้อไว้เท่านั้น เพราะยังมีความเสี่ยงสูง (www.prachachat.net, 24 ก.ย. 2566)

link อื่นๆ
  • Relate Preview
  • Relate Preview
Financial Products
  • Finance Preview
  • Finance Preview
  • Finance Preview