ข่าวเศรษฐกิจ
สมาคมเหล็กลวดไทยเปิดเผยว่า ปัจจุบันผู้ผลิตเหล็กลวดไทยกำลังเผชิญความเดือดร้อนจากการนำเข้าเหล็กลวดจากต่างประเทศ ทั้งจากจีน เวียดนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย และรัสเซีย มาเสนอขายในราคาต่ำ ทำให้ผู้ผลิตเหล็กลวดของไทยซึ่งมีกำลังการผลิตรวมกันปีละ 2.6 ล้านตัน มีการใช้กำลังการผลิตต่ำกว่า 30% สวนทางกับปริมาณนำเข้าที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2566 มีการนำเข้าเหล็กลวดจากจีนถึง 218,502 ตัน เพิ่มขึ้นถึง 128% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าที่มีการนำเข้าเพียง 95,924 ตัน นำเข้าจากอินโดนีเซียเพิ่มขึ้น 177% เป็น 69,944 ตัน และจากมาเลเซียเพิ่มขึ้น 57% เป็น 69,440 ตัน
นอกจากนี้ ยังพบว่าปัจจุบันมีการนำเข้าสินค้าเหล็กลวดคาร์บอนต่ำ โดยไม่ผ่านการขอใบอนุญาตนำเข้า ทั้งที่เหล็กลวดคาร์บอนต่ำเป็นสินค้าภายใต้มาตรฐานบังคับ ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) อย่างเข้มงวด และยังพบว่ามีการหลบเลี่ยงการเสียอากรตอบโต้การทุ่มตลาด (Anti-dumping Duty : AD) โดยปรับลดธาตุคาร์บอนและเจืออัลลอยด์เพิ่มแทน สมาคมฯ จึงต้องการให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ปัญหา โดยใช้มาตรการส่งเสริมการใช้เหล็กในประเทศ หาทางเพิ่มการใช้กำลังการผลิต เช่น กระตุ้นการส่งออก โดยพิจารณายกเว้นหรือลดค่าธรรมเนียมในการส่งออก ตลอดจนปรับโครงสร้างค่าไฟฟ้า ค่าพลังงาน ให้เหมาะสมกับการแข่งขัน รวมถึงขยายขอบข่ายของนโยบาย Made in Thailand ให้รวมถึงโครงการร่วมทุนระหว่างภาครัฐกับเอกชน เป็นต้น (www.prachachat.net, 9 ต.ค. 2566)