ข่าวเศรษฐกิจ
บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) คาดว่าสถานการณ์สงครามอิสราเอล-ฮามาส ที่เกิดขึ้นในระยะสั้นจะยังไม่ส่งผลต่อปริมาณน้ำมันในตลาดโลก เพราะไม่ได้เป็นแหล่งผลิตน้ำมัน แต่อาจส่งผลด้านจิตวิทยาโดยทำให้ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นราวบาร์เรลละ 3-4 ดอลลาร์สหรัฐ ล่าสุดราคาเริ่มอ่อนตัวลงบ้างแล้ว แต่ยังสูงกว่าช่วงก่อนเกิดสงคราม ซึ่ง ปตท. จะยังไม่ปรับสมมุติฐานคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบที่ประเมินไว้ก่อนหน้านี้ที่บาร์เรลละ 80-85 ดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากประเมินเบื้องต้นว่ามีโอกาสน้อยที่สถานการณ์จะเลวร้ายที่สุด อีกทั้ง ปตท. ยังทำธุรกิจซื้อขาย (Trading) ไปทั่วโลก จึงเข้าถึงแหล่งผลิตน้ำมันมันได้ทั่วโลก หากในบางพื้นที่มีปัญหา เช่น ตะวันออกกลาง ก็ยังสามารถนำน้ำมันจากแหล่งอื่นมาใช้ได้อย่างเพียงพอ
สอดคล้องกับบริษัทหลักทรัพย์ยูโอบีเคย์เฮียน จำกัด (มหาชน) ที่ระบุว่าในพื้นที่สงครามมีการผลิตน้ำมันดิบไม่มาก เพียงวันละ 7.2 แสนบาร์เรล อีกทั้งมองว่าในกรณีฐาน (Base Case) สงครามดังกล่าวจะกระทบต่อการขนส่งน้ำมันที่คลองคลองสุเอซไม่มากนัก จึงคาดว่าราคาน้ำมันดิบอาจตอบรับข่าวสงครามโดยขยับไปอยู่ราวบาร์เรลละ 90-95 ดอลลาร์สหรัฐในระยะหนึ่งก่อนจะปรับตัวลง ส่วนในกรณีเลวร้าย (Worst Case) หากสงครามกระทบกับการขนส่งน้ำมันทั้งคลองสุเอซ และการขนส่งน้ำมันทางท่อ ซึ่งมีการขนส่งน้ำมันดิบรวมวันละ 5.5 ล้านบาร์เรล จะทำให้ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้นแตะระดับบาร์เรลละ 100 -120 ดอลลาร์สหรัฐ (www.prachachat.net และ www.efinancethai.com, 9 ต.ค. 2566)