ข่าวเศรษฐกิจ
ตามที่ที่ประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาประมงทะเล ครั้งที่ 1/2567 ได้มอบหมายให้กรมประมงจัดเก็บค่าธรรมเนียมการนำเข้าสินค้าสัตว์น้ำ ตามพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558 เพื่อแก้ปัญหาราคาสัตว์น้ำตกต่ำนั้น ล่าสุดในการประชุมคณะกรรมการฯ ครั้งที่ 2/2567 กรมประมงได้พิจารณาจัดเก็บค่าธรรมเนียมสัตว์น้ำหรือซากสัตว์เข้ามาในราชอาณาจักร โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพกระบวนในการควบคุม เฝ้าระวัง และป้องกันโรคระบาดสัตว์น้ำ จึงได้จำแนกกลุ่มของสัตว์น้ำออกเป็น 4 กลุ่ม ตามระดับความเสี่ยงในการเกิดโรคระบาด (เสี่ยงต่ำ เสี่ยงกลาง เสี่ยงสูง และเสี่ยงสูงมาก) ที่มีการประกาศจากองค์การโรคระบาดสัตว์ระหว่างประเทศ (OIE) และคิดค่าธรรมเนียมนำเข้าในอัตราเฉลี่ยกิโลกรัม (กก.) ละ 5 สตางค์ ถึง 1 บาท โดยมีการปรับลดจากค่าธรรมเนียมสูงสุด กก.ละ 2 บาทแล้ว อาทิ กลุ่มปลาทูน่า กก.ละ 25 สตางค์ กลุ่มปลา กก.ละ 50 สตางค์ กลุ่มกุ้งทะเล 3 ชนิด และกลุ่มกุ้งก้ามกราม กก.ละ 1 บาท อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการไม่เห็นด้วยกับการเก็บค่าธรรมเนียมดังกล่าว ดังนี้
- สมาคมอุตสาหกรรมทูน่าไทยระบุว่า ไทยนำเข้าทูน่าเฉลี่ยปีละ 8 แสนตัน หากต้องเสียค่าธรรมเนียม 25 สตางค์ จะต้องใช้เงินราว 400 ล้านบาทซึ่งสูงมาก และสมาคมฯ สามารถจ่ายค่าธรรมเนียมได้ กก.ละ 1-5 สตางค์เท่านั้น เพราะกำไรของแต่ละบริษัทมีเพียง 2-3% พร้อมทั้งเสนอให้มีการทำ MOU ซื้อขายปลาโอ ปลาซาร์ดีน และปลาแมคเคอเรลในราคาที่เหมาะสมแทน
- สมาคมผู้ผลิตปลาป่นไทยระบุว่า ปกติการนำเข้าปลาป่นมีอัตราภาษีนำเข้าอยู่แล้ว ส่วนกรณีปลาเป็ดที่กรมประมงแจ้งตัวเลขนำเข้าย้อนหลัง 3 ปี รวม 8.3 หมื่นตัน ได้ตรวจสอบจากสมาชิกสมาคมฯ พบว่ามีการนำเข้าจริงเพียง 3.5 หมื่นตัน เพื่อใช้ผลิตปลาป่นเท่านั้น จึงมีความกังวลว่าหากมีการเก็บค่าธรรมเนียมที่ต่างกันมากจะทำให้มีการนำเข้าปลามาสวมเป็นปลาเป็ด นอกจากนี้ การจัดเก็บค่าธรรมเนียม กก.ละ 5 สตางค์ จะทำให้ต้นทุนสูงขึ้นและกระทบถึงต้นทุนอาหารสัตว์ด้วย
- สมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทยเปิดเผยว่า สินค้านำเข้าของสมาชิกส่วนใหญ่เป็นกลุ่มปลา ซูริมิ ปลาหมึก และกุ้ง ที่มีการนำเข้าปีละ 1.7 ล้านตัน หากคิดค่าธรรมเนียมนำเข้า กก.ละ 50 สตางค์ จะมีมูลค่าปีละ 850 ล้านบาท ซึ่งสูงมาก ขณะที่ปัจจุบันเศรษฐกิจโลกถดถอย กำไรของแต่ละบริษัทลดลงมาก อีกทั้งกำลังซื้อในประเทศก็ถดถอย ทำให้การเก็บค่าธรรมเนียมนี้ไม่สอดคล้องกับกำลังจ่าย เช่นเดียวกับกุ้งน้ำหนาวที่นำเข้าจากอาร์เจนตินา หากเก็บค่าธรรมเนียมจะทำให้ผู้ที่ลงทุนอาจย้ายไปเลี้ยงที่เวียดนามจนต้องเลิกจ้างพนักงานในไทย (ฐานเศรษฐกิจ, 22-24 ก.พ. 2567)