ข่าวเศรษฐกิจ
สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) คาดว่าการส่งออกไทยปี 2567 จะขยายตัว 2-3% จากสัญญาณเศรษฐกิจโลกที่ปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ขณะที่เศรษฐกิจจีนก็เริ่มมีสัญญาณบวก นอกจากนี้ ทิศทางนโยบายการเงินของสหราชอาณาจักรและ EU ก็มีแนวโน้มจะลดดอกเบี้ยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์มีแนวโน้มทวีความรุนแรงขึ้นในระยะข้างหน้า โดยประเทศที่แบ่งขั้วชัดเจนจะหันมาค้ากับประเทศที่มีจุดยืนทางภูมิรัฐศาสตร์ไม่ขัดแย้งกัน ประเทศไทยจึงต้องหาโอกาสสร้างความได้เปรียบทางการค้า โดยเลือกกลยุทธ์ที่เฉพาะเจาะจงกับบริบทของแต่ละภาคการผลิตในแต่ละตลาดส่งออก โดยสินค้าส่งออกไทยที่ยังไปได้ดียังคงเป็นยางรถยนต์ และเนื้อสัตว์แปรรูป ส่วนสินค้าที่ส่งออกยังไม่ค่อยดี เช่น รถยนต์สันดาป Hard Disk Drive (HDD) และผลิตภัณฑ์พลาสติก
สอดคล้องกับสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) ที่คาดว่าการส่งออกไตรมาส 2/2567 จะยังขยายตัวได้ดี 1-2% หรือราว 71,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับสินค้าส่งออกเด่นคาดว่าจะเป็นยางพารา อิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์และส่วนประกอบซึ่งอยู่ในกลุ่ม EV ที่กำลังเติบโต รวมถึงผลไม้ ส่วนสินค้าอื่นๆ มองว่ายังคงทรงตัว นอกจากนี้ จากการติดตามภาวะการขนส่งทางทะเลพบว่าปัจจุบันสถานการณ์ไม่น่ากังวล เพราะเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติที่สามารถบริหารจัดการได้ และค่าขนส่งมีแนวโน้มจะปรับลดลงเนื่องจากเรือขนส่งมีปริมาณเพิ่มขึ้น แต่ยังต้องติดตามสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ เช่น อิสราเอล-ฮามาส ยูเครน-รัสเซีย ปัญหาทะเลแดง ว่าอยู่ในวงจำกัดหรือขยายวงมากขึ้น เพราะจะกระทบต่อราคาพลังงานที่จะปรับสูงขึ้น จากปัจจุบันราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยบาร์เรลละ 87 ดอลลาร์สหรัฐ แต่คาดว่าจะไม่สูงถึงบาร์เรลละ 90 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนเงินบาทที่อ่อนค่าลงเหลือ 36 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เป็นผลดีกับสินค้าเกษตรของไทยและทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น (ประชาชาติธุรกิจ, 15-17 เม.ย. 2567)