ข่าวเศรษฐกิจ

จากกรณีที่สหรัฐฯ จะขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมจากทุกประเทศเป็น 25% นั้น กลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) มองว่าในระยะสั้นจะกระทบกับการส่งออกเหล็กของไทยไม่มากนัก เนื่องจากในแต่ละปีไทยส่งออกเหล็กไปสหรัฐฯ เฉลี่ยไม่เกิน 2 แสนตัน โดยส่วนใหญ่เป็นผลิตภัณฑ์ท่อ เหล็กรีดเย็น และผลิตภัณฑ์เหล็กเคลือบ แต่ผู้ผลิตเหล็กในไทยจะได้รับผลกระทบจากการนำเข้าเหล็กของประเทศผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่อย่างจีน ที่จะเข้ามาแย่งตลาดในไทยและอาเซียนมากขึ้นเพื่อทดแทนการส่งออกไปสหรัฐฯ ที่ลดลง  

ปัจจุบันจีนมีกำลังการผลิตเหล็กปีละกว่า 1,100 ล้านตัน ขณะที่มีความต้องการใช้เหล็กราว 900 ล้านตัน จึงมีกำลังการผลิตส่วนเกิน 200 ล้านตัน สำหรับปี 2567 คาดว่าจีนส่งออกเหล็กสู่ตลาดโลกสูงเป็นประวัติการณ์กว่า 110 ล้านตัน เพราะความต้องการใช้เหล็กในจีนยังไม่ดีขึ้น และจีนยังคงอัตราการผลิตสูงเกือบเต็มกำลังไว้เพื่อรักษาการจ้างงานและรักษาความได้เปรียบเชิงขนาด ดังนั้น การไหลบ่าของผลิตภัณฑ์เหล็กจากจีนจึงเป็นความท้าทายสำหรับอุตสาหกรรมเหล็กไทย ทั้งนี้ ในปี 2567 ไทยมีความต้องการใช้เหล็ก 16.3 ล้านตัน ผลิตในประเทศ 6.3 ล้านตัน ส่งออก 1.4 ล้านตัน และนำเข้า 11.4 ล้านตัน โดยนำเข้าจากจีนสูงสุดประมาณเกือบ 5 ล้านตัน คิดเป็นประมาณ 44% ของการนำเข้าทั้งหมด นอกจากนี้ ยังพบว่ามีผู้ผลิตเหล็กในจีนยังเข้ามาตั้งบริษัทในไทย ในกรณีเหล็กเส้น ปัจจุบันมีบริษัทเหล็กจีนเข้ามาตั้งโรงงาน 6 บริษัท กำลังการผลิตรวมปีละ 3.7 ล้านตัน เทียบกับบริษัทดั้งเดิมของไทยที่ยังดำเนินการอยู่ 40 บริษัท ที่มีกำลังการผลิตรวมปีละ 6.8 ล้านตัน ส่งผลให้สัดส่วนกำลังการผลิตของบริษัทเหล็กจีนต่อบริษัทเหล็กไทยดั้งเดิมเป็น 35:65 (กรุงเทพธุรกิจ, 11 ก.พ. 2568)