ข่าวเศรษฐกิจ
หลังจากการประกาศภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ของสหรัฐฯ ซึ่งผลิตภัณฑ์ยางจากไทยจะถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มขึ้น 36% ในเดือน ก.ค. 2568 หากยังไม่มีการประกาศเปลี่ยนแปลง ทำให้ราคายางพาราในไทยได้รับผลกระทบ โดยราคายางแผ่นรมควันชั้น 3 ณ ตลาดกลางยางพาราสงขลาระหว่างวันที่ 8-9 เม.ย. 2568 ได้ตกลงจากราคาเมื่อวันที่ 4 เม.ย. 2568 ทันทีถึง กก.ละ 10 บาท เหลือ กก.ละ 60 บาท ประกอบกับช่วงที่ผ่านมาเป็นช่วงหยุดกรีดยางและเตรียมที่จะเข้าสู่ฤดูการกรีดในเดือน พ.ค. 2568 ส่งผลให้เกษตรกรกังวลว่าราคายางพาราจะตกลงเหมือนช่วงต้นเดือน เม.ย. 2568 อีกหรือไม่ การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) จึงได้ออกมาตรการขอความร่วมมือให้ชะลอการเปิดกรีดยางออกไปอีก 1 เดือน เพื่อรักษาเสถียรภาพของราคายางภายในประเทศ โดย กยท.เชื่อว่าจะทำให้ผลผลิตยางออกสู่ตลาดลดลงไม่น้อยกว่า 200,000 ตัน
อย่างไรก็ตาม กลุ่มอุตสาหกรรมยาง สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ประเมินว่าชาวสวนยางน่าจะให้ความร่วมมือเพียง 15-20% ของทั้งหมด เพราะหากชะลอออกไปอีก 1 เดือน จะเท่ากับต้องขาดรายได้ติดต่อกันถึง 2 เดือน ขณะที่โรงงานยางแท่งน่าจะได้รับผลกระทบไม่มากนัก เพราะโรงงานส่วนใหญ่ได้วางแผนรองรับการหยุดกรีดยาง โดยมีการสต็อกยางไว้ล่วงหน้าแล้ว ประกอบกับความต้องการยางพารายังคงที่ การส่งออกยางไปต่างประเทศก็ไม่ได้มีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น จึงไม่น่ากังวลว่ายางพาราจะขาดตลาด เช่นเดียวกับสมาคมสหพันธ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทยที่ระบุว่า ที่ผ่านมามาเลเซียเคยใช้มาตรการชะลอการกรีดยางแต่ไม่ใด้ผลเท่าที่ควร เนื่องจากมียางพาราจากประเทศอื่นและยางสังเคราะห์เข้ามาชดเชยตลาดทันที (ประชาชาติธุรกิจ, 5-7 พ.ค. 2568)