บทความพิเศษจากกรรมการผู้จัดการ

ส่องโอกาสส่งออกไทย...สินค้าหลายกลุ่มยังยืน 1 ท่ามกลางคลื่นลมในปี 2568

ปี 2567 กำลังจะผ่านพ้นไปแล้วนะครับ ในช่วงปลายปีแบบนี้ มักเป็นเวลาที่หลายท่านใช้ทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นในปีนี้ และมองหาโอกาสหรือตั้งเป้าหมายใหม่ๆ ในปีหน้า ผมจึงอยากใช้โอกาสนี้พูดถึงโอกาสในการส่งออกสินค้าไทยในปี 2568 ซึ่งผมมองว่าการส่งออกโดยรวมยังมีแนวโน้มขยายตัวได้ โดยได้ผลดีจากอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกที่มีแนวโน้มลดลง ส่งผลให้เศรษฐกิจของหลายประเทศสำคัญปรับตัวดีขึ้น โดย IMF คาดว่าเศรษฐกิจโลกปีหน้าจะขยายตัว 3.2% ทั้งนี้ นอกจากสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ อย่างอุปกรณ์และส่วนประกอบคอมพิวเตอร์ วงจรพิมพ์ (PCB) ที่ไทยได้รับผลดีจากการย้ายฐานการผลิตออกจากจีนแล้ว ยังมีสินค้าอีก 3 กลุ่มที่ตลาดมีแนวโน้มขยายตัวได้ ซึ่งนับเป็นโอกาสดีสำหรับสินค้าไทยที่มีศักยภาพในการแข่งขันบนเวทีโลก ดังนี้

- Food for Security : สินค้าที่ตอบโจทย์ความมั่นคงทางอาหาร ประเทศไทยมีจุดเด่นเรื่องผลผลิตการเกษตรที่หลากหลาย ทำให้ไทยเป็น 1 ในประเทศผู้ส่งออกอาหารสำคัญ และมีอัตราการผลิตอาหารต่อคนมากที่สุดเป็นอันดับ 10 ของโลก ผู้ส่งออกไทยจึงอาจได้รับผลกระทบทางบวกจากสถานการณ์ความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ก่อตัวขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะในช่วงที่สงครามปะทุขึ้น ซึ่งจะทำให้ความต้องการนำเข้าสินค้าที่ตอบโจทย์ความมั่นคงทางอาหารเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ประเทศไทยมีสินค้าอาหารหลายรายการที่ตอบโจทย์ความมั่นคงทางอาหาร และไทยยังเป็นผู้ส่งออกอาหารบางประเภทระดับ Top 3 ในตลาดโลก อาทิ ทูน่ากระป๋อง (อันดับ 1) ไก่แปรรูป (อันดับ 1) น้ำตาลทราย (อันดับ 2) และซาร์ดีนกระป๋อง (อันดับ 3)

- Good for Planet : สินค้าที่ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม ความตื่นตัวต่อปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ส่งผลให้ประเทศต่างๆ ใช้มาตรการเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับผู้บริโภคราว 2 ใน 3 ที่ให้ความสำคัญและหันมาเลือกซื้อสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ส่งผลให้สินค้าที่ดีต่อสิ่งแวดล้อม เช่น บรรจุภัณฑ์ย่อยสลายได้ ผลิตภัณฑ์จากวัตถุดิบรีไซเคิล ตลอดจนอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับพลังงานสะอาด เป็นที่ต้องการเพิ่มขึ้น กระตุ้นให้สินค้ากลุ่ม Green ที่ไทยส่งออกเป็นลำดับต้นๆ ในตลาดโลก (Top 3) อย่างเม็ดพลาสติกชีวภาพ Polylactic Acid : PLA (อันดับ 3) และแผงโซลาร์ (อันดับ 3) มีโอกาสขยายตลาดได้มากขึ้น นอกจากนี้ สินค้าทั่วไปที่ปรับให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น อาทิ ยางพาราที่เข้ามาตรฐาน EUDR (ปลอดจากการตัดไม้ทำลายป่า) ตลอดจนเหล็กหรือซีเมนต์คาร์บอนต่ำ (Green Steel/ Green Cement) ก็มีแนวโน้มเป็นที่ต้องการเพิ่มขึ้นเช่นกัน

- Mood for Joy : สินค้า/บริการที่สร้างความสุขหรือประสบการณ์ใหม่ ความเครียดและแรงกดดันต่างๆ ที่เพิ่มขึ้นในปัจจุบัน ทำให้ผู้บริโภคเสาะหาสินค้าหรือกิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลายร่างกายและจิตใจ เช่น การเลี้ยงสัตว์เลี้ยง การดูแลรูปลักษณ์ให้สวยงามเพื่อเสริมความมั่นใจ การเดินทางท่องเที่ยวเพื่อหาประสบการณ์ใหม่ๆ รวมถึงการใช้บริการสปา จึงส่งผลดีต่อการส่งออกสินค้าไทยในกลุ่มนี้ โดยสินค้าที่ไทยมีศักยภาพเป็นผู้ส่งออกอันดับต้นๆ ของโลก อาทิ อาหารสุนัขและแมว (อันดับ 3) เครื่องประดับเงิน (อันดับ 2) เครื่องสำอาง สบู่ และผลิตภัณฑ์รักษาผิว (อันดับ 2 ในอาเซียน) นอกจากนี้ ธุรกิจและกิจกรรมที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวในประเทศไทยก็มีแนวโน้มได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั่วโลกมากขึ้น โดยเฉพาะการมาท่องเที่ยวในเชิงดูแลสุขภาพ (Medical Tourism and Overseas Healthcare) ซึ่งประเทศไทยมีความโดดเด่นเป็นอันดับ 3 ของโลก และการเดินทางมาเพื่อท่องเที่ยวและทำงาน (Digital Nomad) ซึ่งมีหลายเมืองในประเทศไทย เช่น กรุงเทพฯ และเชียงใหม่ ที่ถูกจัดให้เป็นจุดหมายปลายทางลำดับต้นๆ ของโลกเช่นกัน

แม้ในปี 2568 ผู้ส่งออกจะต้องเผชิญความเปราะบางจากปัจจัยความไม่แน่นอนต่างๆ โดยเฉพาะความเสี่ยงจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ภายใต้การนำของนายโดนัล ทรัมป์ และความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ในหลายพื้นที่ แต่ผมเชื่อว่าการตื่นตัวและเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป รวมทั้งการเลือกเครื่องมือบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสม เช่น การทำประกันการส่งออก หรือการทำประกันค่าเงิน จะช่วยให้ท่านสามารถข้ามผ่านความท้าทายต่างๆ ไปได้ด้วยดี ... แล้วพบกันใหม่ในปีหน้าครับ

Disclaimer : คอลัมน์นี้เป็นข้อคิดเห็นส่วนบุคคล จึงไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับความคิดเห็นของ ธสน.

เอกสาร
ที่เกี่ยวข้อง
link อื่นๆ
  • Relate Preview
  • Relate Preview
Financial Products
  • Finance Preview
  • Finance Preview
  • Finance Preview