บทความพิเศษจากกรรมการผู้จัดการ
หากพูดถึงสถานการณ์เศรษฐกิจโลกในตอนนี้ ผมเชื่อว่าผู้อ่านหลายท่านคงจะส่ายหน้ากันอยู่ไม่น้อย เพราะดูเหมือนเรากำลังเผชิญกับมรสุมที่ถาโถมเข้ามาลูกแล้วลูกเล่า ไม่เพียงสถานการณ์ COVID-19 ที่ยังไม่คลี่คลาย แต่ยังถูกซ้ำเติม
จากสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่จุดชนวนความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อและปัญหา Supply Chain Disruption ให้รุนแรงขึ้น จนทำให้หลายฝ่ายกังวลว่าเศรษฐกิจของหลายประเทศอาจกำลังเข้าสู่ภาวะ Stagflation (เศรษฐกิจชะลอตัว+เงินเฟ้อสูง) ในเร็วๆ นี้
วันนี้ผมเลยจะชวนท่านผู้อ่านเปลี่ยนบรรยากาศมามองหาโอกาสในวิกฤตกันดูบ้างนะครับ โดยเฉพาะผู้ประกอบการไทยที่กำลังมองหาตลาดส่งออกและลงทุนในฝันที่จะช่วยเป็นเกราะกำบังมรสุม อีกทั้งยังเต็มไปด้วยขุมทรัพย์ที่พร้อมให้ค้นหาเมื่อมรสุมผ่านไป นั่นคือตลาดเวียดนาม ซึ่งเป็นตลาดการค้าการลงทุนที่สำคัญของไทย
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา
เวียดนามถือเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศในโลกที่เศรษฐกิจขยายตัวต่อเนื่องทุกปีแม้จะมีการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา อีกทั้ง IMF ยังคาดว่าเศรษฐกิจเวียดนามปี 2565-2570 จะขยายตัวเฉลี่ยสูงถึง 6.8% ต่อปี สูงที่สุดในอาเซียน และสูงกว่าเศรษฐกิจโลกถึงกว่าเท่าตัว เพื่อให้เห็นศักยภาพของเวียดนามชัดเจนมากขึ้น ผมจะขอเปรียบตลาดเวียดนามเหมือน “ผู้หญิงในฝัน” ที่มีคุณสมบัติโดดเด่นหลายๆ ด้าน ดังนี้
- ดูแลตัวเองได้ : เศรษฐกิจเวียดนามยืดหยุ่นรองรับวิกฤตได้ดี แม้เวียดนามเป็นเศรษฐกิจเปิดขนาดเล็กแต่การบริโภคภาคเอกชนกลับมีสัดส่วนสูงถึงราว 70% ต่อ GDP คล้ายกับประเทศพัฒนาแล้ว ด้วยประชากรเกือบ 100 ล้านคน และกว่า 70% อยู่ในวัยหนุ่มสาว ทำให้การบริโภคกลายเป็น Buffer ที่ช่วยให้เวียดนามผ่านพ้นวิกฤต COVID-19 และสามารถรองรับวิกฤตในอนาคตได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ Economist Intelligence Unit คาดว่าการบริโภคของเวียดนามจะโตเฉลี่ยถึง 7% ต่อปีในอีก 5 ปีข้างหน้า ประเด็นที่น่าสนใจอีกอย่างคือแม้ปัจจุบันเงินเฟ้อในหลายประเทศจะพุ่งแตะ 7-8% สูงสุดในรอบหลายทศวรรษ แต่เงินเฟ้อเวียดนามกลับยังอยู่ระดับต่ำ ล่าสุดเงินเฟ้อเดือน เม.ย. 2565 อยู่ที่ 6% ต่ำที่สุดในอาเซียน ด้วยภาคเกษตรกรรมของเวียดนามที่แข็งแกร่ง คิดเป็นสัดส่วนเกือบ 15% ต่อ GDP ขณะเดียวกันเวียดนามก็มีน้ำมันดิบสำรองมากที่สุดในอาเซียนซึ่งอาจช่วยผ่อนหนักเป็นเบาในภาวะข้าวยากหมากแพงได้ระดับหนึ่ง นอกจากนี้ เวียดนามยังมีเสถียรภาพด้านต่างประเทศที่ค่อนข้างดี ด้วยเงินทุนสำรองฯ กว่า 1.1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (อันดับ 24 ของโลก) ไต่ระดับอย่างรวดเร็วจากเพียง 2.6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2555 และดุลบัญชีเดินสะพัดที่ธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) คาดว่าจะกลับมาเกินดุล 1.5% ต่อ GDP ในปีนี้ จะช่วยลดความเสี่ยงจากเงินทุนไหลออกที่ตลาดเกิดใหม่หลายแห่งกำลังเผชิญ สะท้อนได้จากเงินด่องที่อ่อนค่าไม่ถึง 1.5% ตั้งแต่ต้นปี น้อยที่สุดเป็นอันดับต้นๆ ในภูมิภาค
- มีเสน่ห์ : เวียดนามดึงดูด FDI จนขึ้นแท่นเป็น New Factory of the World สะท้อนจากเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศสุทธิ (FDI Net Inflow) ที่ไหลเข้าเวียดนามขยายตัวเฉลี่ย 7% ต่อปีในปี 2554-2563 เทียบกับ FDI โลกที่ขยายตัวเพียง 1% ทั้งนี้ เสน่ห์ของเวียดนามในการดึงดูด FDI เรียกได้ว่าครบครัน ทั้งแรงงานราคาถูก โดยค่าจ้างขั้นต่ำในเวียดนามถูกกว่าจีนที่เคยได้รับสมญานาม Factory of the World ถึง 50% ที่ตั้งติดชายฝั่งมีท่าเรือขนาดใหญ่ (Major Port Class A) มากถึง 17 แห่ง ทำให้ได้เปรียบด้านการขนส่งระหว่างประเทศ นโยบายสนับสนุนการลงทุนทั้งภาษีและมิใช่ภาษีที่เรียกได้ว่าพรีเมี่ยมแห่งหนึ่งของโลก โดยเฉพาะการให้อำนาจแต่ละจังหวัดให้สิทธิประโยชน์เพิ่มเติม เพื่อแข่งขันกันดึงดูดการลงทุนให้
ตรงกับจุดแข็งของแต่ละพื้นที่ สิ่งเหล่านี้ทำให้ที่ผ่านมาเวียดนามมีเม็ดเงิน FDI เข้ามาตั้งฐานการผลิตเพื่อส่งออกกระจายตัวแทบทุกอุตสาหกรรม ไล่เรียงไปตั้งแต่อุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานเข้มข้นไปจนถึงอุตสาหกรรมไฮเทค อาทิ รองเท้า (เวียดนามส่งออกอันดับ 2 ของโลก) สิ่งทอ (อันดับ 4) โทรศัพท์และอุปกรณ์ (อันดับ 3) โดยปัจจุบันเวียดนามถือเป็นฐานการผลิตของหลายแบรนด์ IT ชั้นนำ อาทิ Samsung, LG, Intel และ Microsoft ขณะเดียวกันเวียดนามก็ยังมีแผนยกระดับอุตสาหกรรมสีเขียว โดยตั้งเป้าจะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างน้อย 15% ภายในปี 2573 ซึ่งจะช่วยเปลี่ยนผ่านจาก Dirty Industry ไปสู่ Green Industry ได้ในอนาคต - เข้าสังคมเก่ง : เวียดนามมีความสัมพันธ์ที่ดีกับขั้วมหาอำนาจโลก ทั้งชาติตะวันตก จีนและรัสเซีย จากนโยบายด้านต่างประเทศที่สามารถสร้างสมดุลระหว่างการเมืองกับเศรษฐกิจได้อย่างลงตัว สะท้อนได้จากการที่เวียดนามได้รับเลือกเป็นเจ้าภาพการประชุมสำคัญระดับโลกหลายเวที โดยเฉพาะการประชุมสุดยอดระหว่างผู้นำสหรัฐฯ และเกาหลีเหนือ ตลอดจนเคยเป็นเจ้าภาพการประชุม APEC 2 ครั้งในช่วงก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ เวียดนามยังมีความสัมพันธ์ด้านการค้า
การลงทุนที่แน่นแฟ้นกับทั้งชาติตะวันตกและชาติตะวันออก จากการที่เวียดนามมีข้อตกลง FTA มากที่สุดอันดับต้นๆ ของโลกราว 15 ฉบับ ครอบคลุมกว่า 50 ประเทศทั่วโลก และยังเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่มี FTA กับหลายประเทศคู่ขัดแย้งของสงครามในปัจจุบัน ทั้งฝั่งรัสเซีย จาก FTA Vietnam - Eurasian Economic Union (รัสเซีย อาร์เมเนีย เบลารุส คาซัคสถาน และคีร์กีซสถาน) และฝั่งชาติตะวันตก จากข้อตกลง FTA EU-Vietnam และ FTA UK-Vietnam ปัจจัยดังกล่าวสะท้อนถึงความโดดเด่นของเวียดนามในการสร้างสมดุลด้านนโยบายต่างประเทศ ซึ่งจะมีส่วนทำให้เวียดนามยังเป็น Spotlight ในการดึงดูดเม็ดเงินการค้าการลงทุนของโลกต่อไปอีกในอนาคต
จากคุณสมบัติที่โดดเด่นของเวียดนามข้างต้น EXIM BANK ในฐานะธนาคารเพื่อการพัฒนาได้เล็งเห็นถึงศักยภาพดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ล่าสุดเรากำลังจะเปิดสำนักงานผู้แทนแห่งใหม่ที่เวียดนามอย่างเป็นทางการในช่วงเดือนมิถุนายน 2565 ที่จะถึงนี้ เพื่อทำหน้าที่อำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการไทยในการส่งออกสินค้าไปคว้าโอกาสจากกำลังซื้อของชาวเวียดนามที่อยู่ในช่วงขาขึ้น อีกทั้งยังเป็นโอกาสในการลงทุนเพื่อเชื่อมต่อ Supply Chain กับอุตสาหกรรมแห่งอนาคตและอุตสาหกรรมสีเขียวในเวียดนาม และยังสามารถใช้เวียดนามเป็น Springboard เพื่อส่งออกไปยังประเทศที่สามได้อีกด้วย ในทุกวิกฤตย่อมมีโอกาสซ่อนอยู่เสมอนะครับ ดังกล่าวคำกล่าวของ Albert Einstein ที่ว่า “In the midst of every crisis, lies great opportunity” ผมเป็นกำลังใจให้ทุกท่านครับ
ที่เกี่ยวข้อง
-
กับดัก 3 กระจุก ... ความท้าทายเชิงโครงสร้างที่ภาคส่งออกต้องก้าวข้าม
หลายปีที่ผ่านมาไทยเร่งพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อผลักดันให้ประเทศหลุดพ้นกับดักรายได้ปานกลางผ่านกลไกต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างอุตสาหกรรมใหม่ การดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ รวมถึงการเพิ่มรายได้แก่...
01.07.2024 -
สร้างแต้มบุญใหม่ เสริมบารมีธุรกิจ รับทรัพย์รับปีมังกร
ใกล้เข้าสู่ช่วงเวลาเฉลิมฉลองของทุกท่านในเทศกาลปีใหม่แล้วนะครับ ซึ่งปีที่ผ่านมาผมเชื่อว่าเป็นอีกหนึ่งปีที่ท้าทายสำหรับผู้ประกอบการในธุรกิจส่งออก เนื่องจากโลกต้องเผชิญกับความผันผวนมากมาย ทำให้การส่งออกของไทยติดลบราว ...
03.01.2024
-
ตลาดแอฟริกา : แหล่งลงทุนที่ทำกำไรดีอย่างคาดไม่ถึง
ท่านผู้อ่านครับ ในปีที่ผ่านมาผมได้เล่าถึงโอกาสการค้าการลงทุนในทวีปแอฟริกาไปแล้วหลายครั้ง ว่าเป็นภูมิภาคที่มีศักยภาพ ทั้งในแง่ทรัพยากรธรรมชาติ ขนาดตลาด สัดส่วนประชากรในวัยแรงงาน การขยายตัวอย่างต่อเนื่องของภาวะเศรษฐกิจ และ...
22.01.2019 -
การขายสินค้าออนไลน์ใน CLMV ให้ประสบความสำเร็จ
ปัจจุบันแม้ตลาดออนไลน์ในประเทศเพื่อนบ้าน อันได้แก่ กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม หรือที่เรียกว่า CLMV จะยังมีขนาดเล็กกว่าไทย ด้วยจำนวนผู้เข้าถึงอินเทอร์เน็ตที่มีสัดส่วนเพียง 53% น้อยกว่าไทยที่มีสัดส่วนมากถึง 82% แต...
18.09.2018 -
ส่องโอกาสอุตสาหกรรมรถยนต์และชิ้นส่วนในตลาดแอฟริกา
ปัจจุบันนี้คงต้องยอมรับครับว่าทวีปแอฟริกากำลังเนื้อหอม ที่ผมกล่าวเช่นนี้เพราะมีสัญญาณที่สื่อให้เห็นชัดเจนว่าภาครัฐของหลายประเทศกำลังพยายามหาทางนำผู้ประกอบการเข้าสู่ตลาดแอฟริกาเพื่อยึดหัวหาด เห็นได้จากจำนวนสถานทูตตั้งใหม่...
26.03.2019