ข่าวเศรษฐกิจ

ผู้บริหารธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCG เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ปรับทิศทางธุรกิจเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี ค.ศ. 2050 (ปี 2593) โดยการพัฒนาสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น ปูนงานโครงสร้างเอสซีจี สูตรไฮบริด ที่มีการนำเชื้อเพลิงชีวมวลและลมร้อนเหลือทิ้งจากกระบวนการผลิตมาใช้เป็นเชื้อเพลิงและพลังงานทดแทน ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ในกระบวนการผลิตได้ถึง 0.05 ตัน CO2 ต่อปูน 1 ตัน และ CPAC Low Carbon Concrete ที่ช่วยลดการปล่อย CO2 ในการผลิตได้ถึง 17 กิโลกรัม CO2 ต่อคอนกรีต 1 คิว หรือการพัฒนานวัตกรรมสินค้า โดยนำวัตถุดิบคุณภาพสูง เช่น CPAC Ultracrete (คอนกรีตสมรรถนะสูง) และ Mortar for 3D Printing เข้ามาใช้ในโครงการก่อสร้างเพื่อช่วยประหยัดทรัพยากร โดยสามารถก่อสร้างสะพานภายในปูนซีเมนต์ไทย สำนักงานใหญ่ ซึ่งพัฒนามาจากคอนกรีตนวัตกรรมใหม่แรงอัดสูงที่บางแต่แข็งแรง โดยไม่จำเป็นต้องมีคานรองรับ ทั้งนี้ สำหรับธุรกิจซีเมนต์และวัสดุก่อสร้าง บริษัทฯ มีแผนจะเพิ่มกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ทั้งบนพื้นดินและลอยน้ำ 97 MW เพื่อทดแทนไฟฟ้า 5% ที่จ่ายจากสายส่ง และช่วยลดการปล่อย CO2 ปีละ 75,000 ตัน โดยวางแผนจะลดการใช้ถ่านหินลง 50% ที่โรงงานผลิตปูนซีเมนต์ในจังหวัดสระบุรี รวมทั้งการปรับไปใช้รถบรรทุกหินปูนขนาด 60 ตัน ชนิดไฟฟ้า ที่โรงงานปูนซิเมนต์ไทย ทุ่งสง ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและมลพิษ สอดคล้องกับแนวทางอุตสาหกรรมเหมืองแร่สีเขียว รวมทั้งตั้งเป้าจะเพิ่มสัดส่วนของพลังงานหมุนเวียนที่ใช้ จากปัจจุบันใช้พลังงานจากฟอสซิล (น้ำมันและถ่านหิน) 70% เป็นการใช้พลังงานหมุนเวียนให้ได้ 50% (ฐานเศรษฐกิจ, 10-12 มี.ค. 2565)