InterFin
รัฐบาลกัมพูชาประกาศใช้กฎหมายการลงทุนฉบับใหม่เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2564 โดยมุ่งหวังให้เป็นกลไกในการเสริมสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการลงทุนเพื่อเป็นแม่เหล็กดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment : FDI) เข้าประเทศเพิ่มขึ้นท่ามกลางกระแสเศรษฐกิจและการลงทุนโลกที่กำลังฟื้นตัวจากวิกฤต COVID-19 เช่นเดียวกับเศรษฐกิจกัมพูชาที่มีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง สอดคล้องกับที่ IMF คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจกัมพูชาจะขยายตัวได้เฉลี่ยกว่า 6% ต่อปี ในช่วงปี 2565-2569 จากที่ขยายตัวราว 1.9% ในปี 2564 จึงนับเป็นโอกาสที่ดีของผู้ประกอบการไทยที่สนใจขยายการลงทุนไปกัมพูชาในการทำความเข้าใจสาระสำคัญของกฎหมายการลงทุนฉบับใหม่เพื่อให้การลงทุนเป็นไปอย่างราบรื่นและสามารถใช้สิทธิประโยชน์จากกฎหมายฉบับใหม่ได้อย่างเต็มที่
กฎหมายการลงทุนฉบับใหม่…เอื้อประโยชน์แก่นักลงทุนมากขึ้น
กฎหมายการลงทุนฉบับใหม่มุ่งตอบโจทย์การเสริมสร้างบรรยากาศการลงทุนและดึงดูด FDI ให้เพิ่มขึ้น ด้วยการลดระยะเวลาในการขออนุมัติส่งเสริมการลงทุน ตลอดจนการให้สิทธิประโยชน์ที่มากขึ้นสำหรับโครงการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน โดยมีรายละเอียดที่น่าสนใจ ดังนี้
กฎหมายการลงทุนใหม่ … ส่งผลบวกต่อภาคอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจกัมพูชา
การประกาศใช้กฎหมายการลงทุนฉบับใหม่จะส่งผลบวกต่อทิศทางการลงทุน ภาคอุตสาหกรรม และเศรษฐกิจของกัมพูชาอย่างมีนัยสำคัญ รวมทั้งเป็นจังหวะที่ดีสำหรับผู้ประกอบการไทยในการใช้โอกาสนี้ขยายธุรกิจไปกัมพูชา
- FDI มีแนวโน้มฟื้นตัวและจะกลับมาเป็นหนึ่งในเครื่องยนต์สำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจกัมพูชา หลังจากที่ FDI ของกัมพูชาหดตัวราว 1% ในปี 2563 เทียบกับที่ขยายตัวได้ราว 12% ในปี 2562 โดยสาเหตุหลักมาจากผลกระทบของ COVID-19 ซึ่งคาดว่ากฎหมายใหม่จะช่วยดึงดูด FDI (มีสัดส่วนราว 13% ของ GDP ในช่วงก่อนเกิดวิกฤต COVID-19) ผ่านการให้สิทธิประโยชน์การลงทุนที่เพิ่มขึ้น ตลอดจนการให้ความคุ้มครองด้านการลงทุนที่ชัดเจนมากขึ้น ซึ่งจะช่วยตอกย้ำความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนต่างชาติในการขยายฐานการลงทุนมายังกัมพูชา
- จุดประกายความหวังในการเพิ่มขีดความสามารถของภาคอุตสาหกรรม กฎหมายใหม่ให้สิทธิประโยชน์ในการส่งเสริมการลงทุนด้านนวัตกรรมและ R&D ตลอดจนอุตสาหกรรมใหม่ๆ รวมถึงการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ด้วยมุ่งหวังที่จะเพิ่มขีดความสามารถและสร้างความหลากหลาย (Diversify) ให้แก่ภาคอุตสาหกรรมของกัมพูชา จากเดิมที่สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มเป็นเพียงเสาหลักเดียวในภาคอุตสาหกรรมและมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจกัมพูชาในช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันอุตสาหกรรมดังกล่าวได้รับผลกระทบจากการถูกตัดสิทธิ์ EBA** บางส่วนจาก EU และยังมีความเสี่ยงที่จะถูกตัดสิทธิ์เพิ่มเติมในระยะข้างหน้า
** สิทธิพิเศษทางภาษีที่ EU ให้กับประเทศพัฒนาน้อยที่สุด (Least Developed Country) ซึ่งรวมถึงกัมพูชา ทำให้กัมพูชาส่งออกไป EU ได้โดยไม่เสียภาษีและไม่มีโควตา ยกเว้นสินค้าที่เกี่ยวข้องกับอาวุธยุทโธปกรณ์
การประกาศใช้ฎหมายการลงทุนฉบับใหม่นับเป็นการเสริมสร้างบรรยากาศการลงทุนให้ดียิ่งขึ้น และถือเป็นจังหวะที่ดีสำหรับผู้ประกอบการที่กำลังเตรียมพร้อมขยายการลงทุนไปกัมพูชา โดยเฉพาะการใช้กัมพูชาเป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออกในอุตสาหกรรมที่ผู้ประกอบการไทยมีความเชี่ยวชาญ อาทิ เกษตรแปรรูป อาหารแปรรูป อิเล็กทรอนิกส์ และพลังงานทดแทน เมื่อประกอบกับนโยบายเร่งจัดทำ FTA เพื่อเปิดตลาดใหม่ของกัมพูชาก็จะยิ่งช่วยสนับสนุนศักยภาพในการเป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออกของกัมพูชา นอกจากนี้ ผู้ประกอบการไทยยังมีโอกาสขยายการลงทุนเพื่อรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจและความต้องการสินค้าและบริการในกัมพูชาที่กำลังเติบโต อาทิ ก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และโลจิสติกส์ เป็นต้น
ที่เกี่ยวข้อง