ข่าวเศรษฐกิจ
ตามที่บทบัญญัติในหมวด 4 เรื่องการจัดสรรน้ำและการใช้น้ำของพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2561 มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2564 นั้น ล่าสุดกรมทรัพยากรน้ำ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้กำหนดอัตราค่าใช้น้ำสาธารณะ 3 ประเภทเบื้องต้น และอยู่ระหว่างเปิดรับฟังความคิดเห็น โดยภาคเกษตรที่เข้าข่ายเกษตรพาณิชย์-อุตสาหกรรม จะเก็บค่าน้ำจากเกษตรกรที่ถือครองที่ดินตั้งแต่ 66 ไร่ขึ้นไป ส่วนกลุ่มอุตสาหกรรม โรงแรม ท่องเที่ยว และรีสอร์ต (ผู้ที่ได้รับใบอนุญาตใช้น้ำประเภทที่ 2) และกิจการขนาดใหญ่ที่ใช้ทรัพยากรน้ำสาธารณะปริมาณมาก (ผู้ที่ได้รับใบอนุญาตใช้น้ำประเภทที่ 3) จะจัดเก็บเพิ่มจากอัตราค่าใช้น้ำพื้นฐานตั้งแต่ 0-50% ตามปริมาณการใช้น้ำ ทั้งนี้ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ไม่เห็นด้วยกับอัตราค่าใช้น้ำดังกล่าว เพราะมีราคาสูงขึ้นมาก ซึ่งจะกระทบอย่างหนักต่อต้นทุนการผลิตของภาคอุตสาหกรรมที่มีการใช้น้ำจำนวนมาก อาทิ โรงจัดหาหรือจำหน่ายน้ำ เยื่อและกระดาษ ผลิตไฟฟ้า เคมีและปิโตรเคมี โรงกลั่นน้ำมัน ปูนซีเมนต์ อาหารและเครื่องดื่ม รวมทั้งจะทำให้ไทยสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน เพราะปัจจุบันภาคอุตสาหกรรมของไทยจ่ายค่าใช้น้ำให้ผู้ผลิตเอกชน ลบ.ม. ละ 11.50-24 บาท ขณะที่เวียดนามมีค่าใช้น้ำประปาสำหรับภาคอุตสาหกรรมเพียง ลบ.ม. ละ 15-20 บาท เมียนมา 24 บาท และ สปป.ลาว ราว 15 บาท เท่านั้น นอกจากนี้ ยังเห็นว่าค่าใช้น้ำประเภท 2 และ 3 ควรกำหนดเป็นค่าเดียว (ไม่ใช่แบบขั้นบันได) และควรมีราคาเท่ากัน (ฐานเศรษฐกิจ, 21-24 มี.ค. 2564)