ข่าวเศรษฐกิจ
ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรม ธ.ก.ส. คาดการณ์แนวโน้มราคาสินค้าเกษตรในเดือน ก.พ. 2565 เทียบกับก่อนหน้า
สินค้าเกษตรที่ราคามีแนวโน้มเพิ่มขึ้น อาทิ
-ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% คาดว่าราคาจะเพิ่มขึ้น 0.45- 3.64% (m-o-m) เนื่องจากอินเดีย ซึ่งเป็นผู้ส่งออกข้าวอันดับ 1 ของโลก ประสบปัญหาขาดแคลนรถไฟบรรทุกสินค้า ทำให้ไม่สามารถส่งออกข้าวตามคำสั่งซื้อได้ทั้งหมด คู่ค้าบางรายจึงเปลี่ยนมาซื้อข้าวจากไทยแทน
-น้ำตาลทรายดิบตลาดนิวยอร์ก คาดว่าราคาจะเพิ่มขึ้น 1.16-5.71% (m-o-m) เนื่องจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลดีต่อราคาเอทานอล และอาจจูงใจให้โรงงานน้ำตาลทรายในบราซิลนำอ้อยไปผลิตเอทานอลมากกว่าน้ำตาลทราย อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยกดดันราคาน้ำตาลทรายจากปริมาณผลผลิตอ้อยที่เพิ่มขึ้น ทั้งจากอินเดียและไทย
-มันสำปะหลัง คาดว่าราคาจะเพิ่มขึ้น 0.44-3.54% (m-o-m) เนื่องจากประเทศคู่ค้าสำคัญ โดยเฉพาะจีน ยังมีความต้องการใช้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
สินค้าเกษตรที่ราคามีแนวโน้มลดลง อาทิ
-ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ คาดว่าราคาจะลดลง 0.11-0.68% (m-o-m) เนื่องจากสัญญาราคาส่งมอบข้าวสาลีปรับลดลงจากการขายออกทำกำไร จึงคาดว่าผู้ประกอบการจะนำเข้าข้าวสาลีมาเป็นวัตถุดิบผลิตอาหารสัตว์เพิ่มขึ้นแทนข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ราคาสูง และลดการใช้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศลง
-ปาล์มน้ำมัน คาดว่าราคาจะลดลง 13.50-17.27% (m-o-m) เนื่องจากผลผลิตปาล์มน้ำมันรอบใหม่เริ่มทยอยออกสู่ตลาดมากขึ้นในเดือน ก.พ. ประกอบกับรัฐบาลตรึงราคาน้ำมันปาล์มเพื่อไม่ให้กระทบต่อราคาน้ำมันปาล์มบรรจุขวด
-ยางพาราแผ่นดิบชั้น 3 คาดว่าราคาจะลดลง 1.83-3.98% (m-o-m) เนื่องจากราคายางพาราล่วงหน้าตลาดโตเกียวมีแนวโน้มลดลง (ราคายางพาราล่วงหน้าตลาดโตเกียวส่วนหนึ่งถูกใช้เพื่อการเก็งกำไร) จากการที่นักลงทุนคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือน มี.ค. 2565 เพื่อควบคุมภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้นมากกว่าเป้าหมาย อย่างไรก็ตาม คาดว่าราคายางพาราจะลดลงไม่มาก เนื่องจากราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มสูงขึ้น
(สำนักข่าวอินโฟเควสท์, 3 ก.พ. 2565)