ข่าวเศรษฐกิจ
สมาคมธุรกิจสายการบิน (Board of Airline Representatives) ซึ่งมีสายการบินนานาชาติ 51 สายการบินเป็นสมาชิกเปิดเผยว่า สายการบินพบอุปสรรคในการจัดเก็บค่าบริหารจัดการค่าธรรมเนียมการท่องเที่ยวจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเมื่อเดินทางเข้ามาสู่ประเทศไทย หรือ “ค่าเหยียบแผ่นดิน” ที่ ครม. เห็นชอบเพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนในการดูแลนักท่องเที่ยวและแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งจะเริ่มเรียกเก็บจากนักท่องเที่ยวต่างชาติในวันที่ 1 มิ.ย. 2566 โดยแบ่งเป็น 1) ระบบของสายการบินไม่สามารถแยกนักท่องเที่ยวที่ถูกเรียกเก็บค่าเหยียบแผ่นดินกับนักท่องเที่ยวที่ได้รับการยกเว้น และอาจต้องใช้เวลา 5-6 เดือนเพื่อพัฒนาระบบจัดเก็บค่าเหยียบแผ่นดินอย่างที่รัฐบาลต้องการ อีกทั้งหากผู้โดยสารไม่ยินยอมให้ข้อมูลว่าเดินทางเข้าไทยเพื่อมาท่องเที่ยวหรือไม่ สายการบินก็ไม่สามารถดำเนินการได้เนื่องจากผิด พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) นอกจากนี้ อาจเกิดข้อโต้แย้งระหว่างสายการบินกับผู้โดยสาร อาทิ ในกรณีที่ผู้โดยสารระบุว่าไม่ได้มาท่องเที่ยวและปฏิเสธการชำระค่าธรรมเนียม สายการบินก็ไม่มีกลไกและอำนาจในการปฏิเสธผู้โดยสาร รวมถึงหากสายการบินเรียกเก็บค่าธรรมเนียมไม่ครบอาจก่อให้เกิดปัญหาต่อสายการบิน และ 2) สายการบินกังวลว่ากระบวนการส่งต่อข้อมูลผู้โดยสารสายการบินให้แก่บุคคลที่ 3 อาจผิด PDPA เพราะสายการบินไม่มีสิทธิ์ขอข้อมูลเชิงลึกของผู้โดยสารเพื่อให้กระทรวงท่องเที่ยวฯ นำไปซื้อประกันให้นักท่องเที่ยว อีกทั้งกังวลเรื่องการรั่วไหลของข้อมูลที่อาจเป็นเหตุให้สายการบินถูกฟ้อง
ด้านสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) ได้จัดทำหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยชี้แจงว่าการเก็บค่าเหยียบแผ่นดินเป็นการเลือกปฏิบัติและเป็นความเหลื่อมลํ้า ซึ่งขัดกับนโยบายขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) เช่นเดียวกับสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA) ที่มองว่าค่าเหยียบแผ่นดินจะเป็นภาระแก่นักท่องเที่ยว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวระยะใกล้ในกลุ่มที่มีกำลังซื้อไม่มาก ส่วนการจัดเก็บค่าธรรมเนียม 150 บาทสำหรับการเดินทางเข้ามาทางบกจะกระทบต่อการค้าและการท่องเที่ยวชายแดน เพราะแม้รัฐบาลจะยกเว้นค่าธรรมเนียมให้แก่ผู้ถือ Border Pass แต่นักท่องเที่ยวอย่างชาวมาเลเซียที่เดินทางเข้าผ่าน จ.สงขลาส่วนใหญ่จะใช้หนังสือเดินทาง (thansettakij.com, 23 เม.ย. 2566 และ pptvhd36.com, 14 ก.พ. 2566)