ข่าวเศรษฐกิจ
บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. เปิดเผยว่าในปี 2571 ความมั่นคงด้านพลังงานของไทยจะมีความเสี่ยงจากแหล่งไพลิน และแหล่งยาดานาที่จะสิ้นสุดสัมปทานลง โดยปัจจุบันบริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด ผู้ดำเนินการในแหล่งไพลินอยู่ระหว่างเจรจากับกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติเพื่อขยายอายุสัมปทานออกไปอีก 10 ปี แต่ยังติดเงื่อนไขเรื่องการวางหลักประกันการรื้อถอนฯ ส่วนแหล่งยาดานาในเมียนมา ซึ่งมีผู้ลงทุนสำคัญคือ เชฟรอนฯ ถือหุ้นราว 41% ก็ยังมีศักยภาพสามารถต่ออายุสัญญาสัมปทานออกไปอีกเช่นกัน แต่หากไม่มีความชัดเจนในการต่อสัมปทาน เชฟรอนฯ ก็อาจหยุดการลงทุนลงได้ ทั้งนี้ ปัจจุบันแหล่งยาดานามีกำลังการผลิตก๊าซธรรมชาติวันละกว่า 600 ล้าน ลบ.ฟุต ส่งเข้าไทยกว่า 400 ล้าน ลบ.ฟุต และส่งเข้าเมียนมากว่า 200 ล้าน ลบ.ฟุต ขณะที่แหล่งซอติก้าในเมียนมา มีกำลังการผลิตก๊าซฯ ราววันละ 400 ล้าน ลบ.ฟุต ส่งเข้าไทย 280 ล้าน ลบ.ฟุต และส่งเข้าเมียนมา 90 ล้าน ลบ.ฟุต โดยก๊าซฯ จากทั้ง 2 แหล่งดังกล่าวคิดเป็นสัดส่วน 17% ของความต้องการใช้ก๊าซฯ ผลิตไฟฟ้าในไทย และคิดเป็น 50% ของความต้องการใช้ก๊าซฯ ผลิตไฟฟ้าในเมียนมา
ทั้งนี้ ปตท.สผ. มองว่าปัญหาดังกล่าวไม่ใช่ความเสี่ยงในการทำธุรกิจของบริษัทฯ เพราะ ปตท.สผ. สามารถขยายการลงทุนในต่างประเทศเพื่อสร้างการเติบโตได้ แต่จะเป็นความเสี่ยงด้านพลังงานของประเทศ หากต้องหันไปพึ่งพาการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ที่ราคาผันผวนสูง ล่าสุดราคา LNG กลับขึ้นไปทะลุ 40 ดอลลาร์สหรัฐต่อล้านบีทียู จากก่อนหน้านี้ที่ลดลงเหลือ 18-19 ดอลลาร์สหรัฐต่อล้านบีทียู หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงควรเร่งแก้ไขปัญหาแหล่งไพลินในไทยก่อน (https://mgronline.com, 15 ส.ค. 2566)