ข่าวเศรษฐกิจ
องค์การพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) ระบุว่าความต้องการใช้น้ำมันของโลกได้เพิ่มขึ้นจนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึงวันละ 102.2 ล้านบาร์เรล ในเดือน มิ.ย. 2566 และคาดว่าราคาน้ำมันจะขยับสูงขึ้นไปตลอดจนถึงสิ้นปี 2566 ขณะที่ปริมาณน้ำมันในตลาดกลับถูกจำกัดจำนวน ทำให้มีการคาดการณ์ว่าราคาน้ำมันดิบโลกมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตราบเท่าที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและชาติพันธมิตร (OPEC+) ยังไม่เลิกจำกัดการผลิต นอกจากนี้ Goldman Sachs ได้ปรับประมาณการราคาน้ำมันดิบระยะ 12 เดือน ขึ้นจากบาร์เรลละ 93 ดอลลาร์สหรัฐ ที่เคยคาดไว้ เป็นราวบาร์เรลละ 100 ดอลลาร์สหรัฐ โดยคาดว่าราคาน้ำมันดิบจะขยับทะลุบาร์เรลละ 100 ดอลลาร์สหรัฐ ตั้งแต่ต้นปี 2567 ตามเป้าหมายของ OPEC+ ที่ต้องการให้ราคาน้ำมันดิบเคลื่อนไหวอยู่ระหว่างบาร์เรลละ 80-105 ดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2567 สอดคล้องกับ J.P. Morgan ที่คาดว่าราคาน้ำมันในปี 2567 จะอยู่ระหว่างบาร์เรลละ 90-110 ดอลลาร์สหรัฐ และราคาจะสูงขึ้นต่อเนื่องในปี 2568 หากนโยบายของ OPEC+ ยังไม่เปลี่ยนแปลง รวมทั้งมีโอกาสที่ราคาน้ำมันดิบโลกในปี 2569 จะพุ่งสูงถึงบาร์เรลละ 150 ดอลลาร์สหรัฐ เพราะแรงกดดันจากการพยายามเลิกใช้น้ำมันและเชื้อเพลิงฟอสซิล ทำให้ไม่มีนักลงทุนที่กล้าลงทุนใหม่เพื่อผลิตน้ำมันอีกต่อไป (www.prachachat.net, 27 ก.ย. 2566)