ข่าวเศรษฐกิจ
คณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ด EV) เห็นชอบมาตรการสนับสนุนการใช้ EV ระยะที่ 2 หรือ EV 3.5 ปี 2567-2570 โดย 1) ให้เงินอุดหนุนตามประเภทรถและขนาดของแบตเตอรี่ ดังนี้ รถยนต์นั่ง EV ราคาไม่เกิน 2 ล้านบาทที่มีแบตเตอรี่ขนาดตั้งแต่ 50 kWh ได้รับเงินอุดหนุนคันละ 50,000-100,000 บาท และขนาดต่ำกว่า 50 kWh ได้รับเงินอุดหนุนคันละ 20,000-50,000 บาท รถกระบะ EV ราคาไม่เกิน 2 ล้านบาทที่มีแบตเตอรี่ขนาดตั้งแต่ 50 kWh ได้รับเงินอุดหนุนคันละ 50,000-100,000 บาท รถจักรยานยนต์ EV ราคาไม่เกิน 150,000 บาทที่มีแบตเตอรี่ขนาดตั้งแต่ 3 kWh ได้รับเงินอุดหนุนคันละ 5,000-10,000 บาท 2) ลดอากรนำเข้าไม่เกิน 40% สำหรับการนำเข้า EV สำเร็จรูป (CBU) ราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท ในช่วง 2 ปีแรก (ปี 2567-2568) และ 3) ลดภาษีสรรพสามิตจาก 8% เหลือ 2% สำหรับรถยนต์นั่ง EV ราคาไม่เกิน 7 ล้านบาท
ทั้งนี้ มาตรการ EV 3.5 ตั้งเงื่อนไขให้ผู้ได้รับการสนับสนุนผลิต EV ชดเชยการนำเข้าภายในปี 2569 ในอัตราส่วน 1:2 (นำเข้า 1 คัน ผลิตชดเชย 2 คัน) และจะเพิ่มเป็น 1:3 ภายในปี 2570 พร้อมกำหนดให้แบตเตอรี่ EV สำเร็จรูปที่นำเข้าและผลิตในไทยต้องได้รับมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) และผ่านการทดสอบมาตรฐานตามมาตรฐานสากลจากศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ (ATTRIC) ทั้งนี้ ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมมาตรการ EV 3.0 สามารถยื่นขอรับสิทธิประโยชน์ตามมาตรการ EV 3.5 เพิ่มเติมได้
นอกจากนี้ บอร์ด EV เห็นชอบให้กรมสรรพสามิตขยายเวลาการจดทะเบียน EV ที่ได้รับสิทธิตามมาตรการ EV 3.0 จากเดิมที่ต้องจดทะเบียนภายในวันที่ 31 ธ.ค. 2566 ให้ขยายเวลาเป็นจำหน่ายภายในวันที่ 31 ธ.ค. 2566 และต้องจดทะเบียนภายในวันที่ 31 ม.ค. 2567 เพื่อให้ผู้บริโภคที่จะตัดสินใจซื้อ EV ในงาน Thailand International Motor Expo ในเดือน ธ.ค. 2566 ยื่นจดทะเบียนได้ทันภายในเดือน ม.ค. 2567 (mgronline.com, 1 พ.ย. 2566)