ข่าวเศรษฐกิจ
บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP เปิดเผยผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2566 ว่ามีกำไรสุทธิ 2,944 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์กับราคาน้ำมันดิบ (Spread) ปรับลดลงเกือบทุกผลิตภัณฑ์ หลังจากโรงกลั่นหลายแห่งที่ปิดซ่อมบำรุงในไตรมาส 3 กลับมาเปิดดำเนินการ ส่งผลให้อุปทานในไตรมาส 4 เพิ่มขึ้น ด้านตลาดอะโรเมติกส์ผลการดำเนินงานปรับตัวดีขึ้น จากความต้องการใช้เสื้อผ้าสำหรับฤดูหนาวและบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่ม (PET) ที่ปรับสูงขึ้น เช่นเดียวกับน้ำมันหล่อลื่นที่ผลการดำเนินงานดีขึ้น จากอุปทานที่ลดลงจากการปิดตัวของโรงผลิตน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานบางแห่งในต่างประเทศและมีการปิดซ่อมบำรุงของโรงผลิตบางแห่งในไทย อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มีผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมัน 5,178 ล้านบาท เนื่องจากราคาน้ำมันดิบในไตรมาส 4/2566 ปรับลดลงจากไตรมาส 3/2566 ตามความต้องการใช้น้ำมันที่ลดลงตามเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอตัว ประกอบกับเศรษฐกิจจีนเติบโตช้ากว่าที่คาดไว้
สำหรับปี 2567 คาดว่าตลาดน้ำมันจะกลับเข้าสู่สมดุล เนื่องจากอุปทานผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมสำเร็จรูปจะเพิ่มขึ้นจากการเปิดดำเนินการของโรงกลั่นใหม่ในปี 2566 และ 2567 อย่างไรก็ตาม ธุรกิจโรงกลั่นยังคงได้รับแรงหนุนจากปริมาณผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมสำเร็จรูปคงคลัง โดยเฉพาะน้ำมันดีเซลและน้ำมันอากาศยานที่ยังอยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี และความไม่แน่นอนของการเปิดดำเนินการโรงกลั่นขนาดใหญ่ ในขณะที่ธุรกิจอะโรเมติกส์มีแนวโน้มฟื้นตัว หลังอุปทานจากโรงกลั่นใหม่มีแนวโน้มน้อยกว่าอุปสงค์ที่เติบโตขึ้น ส่วนธุรกิจน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานมีแนวโน้มอ่อนตัวลงเล็กน้อย จากอุปทานที่เพิ่มขึ้นของโรงผลิตน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานแห่งใหม่ที่เปิดดำเนินการในอินเดียและจีน (https://mgronline.com, 15 ก.พ. 2567)