ข่าวเศรษฐกิจ

คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมเห็นชอบ 11 กิจการรุนแรง

คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเห็นชอบให้กระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมออกประกาศกระทรวงว่าด้วยโครงการหรือกิจการ 11 ประเภท ที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรงทั้งด้านสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ และสุขภาพ ได้แก่
1. การถมทะเลหรือทะเลสาบ นอกเขตชายฝั่งเดิม ขนาด 300 ไร่ขึ้นไป ไม่รวมการฟื้นฟูสภาพชายหาด
2. เหมืองแร่ต่างๆ ทุกขนาด ยกเว้นเหมืองแร่ทองคำ ซึ่งเป็นกิจการที่อยู่ในโรงถลุงแร่อยู่แล้ว
3. นิคมอุตสาหกรรมหรือโครงการจัดสรรที่ดินเพื่อการอุตสาหกรรม และนิคมอุตสาหกรรมที่มีส่วนขยายเพิ่มเติม
4. โรงงานปิโตรเคมีต้นน้ำและกลางน้ำ ทุกขนาดหรือโรงงานที่ขยายกำลังการผลิตตั้งแต่ 35% หรือตั้งแต่ 100 ตันต่อวัน ขึ้นไป
5. โรงงานถลุงแร่หรือหลอมโลหะ กำลังการผลิตตั้งแต่ 5,000 ตันต่อวัน ขึ้นไป หรือโรงงานที่ขยายกำลังการผลิตจนครบ 1,000 ตัน
6. การผลิต หรือกำจัด หรือปรับแต่ง สารกัมมันตรังสีในส่วนของโรงพยาบาล โรงพยาบาลสัตว์ การวิจัยและพัฒนา ในสถาบันการศึกษาและหน่วยงานวิจัย
7. โรงงานฝังกลบหรือเผาขยะของเสียอันตราย
8. สนามบินที่มีการขยายทางวิ่ง 3,000 เมตรขึ้นไป
9. ท่าเทียบเรือ ยกเว้นท่าเทียบเรือที่ชาวบ้านใช้ในชีวิตประจำวัน
10. เขื่อนกักเก็บน้ำหรืออ่างเก็บน้ำ ที่มีปริมาตรเก็บน้ำ 100 ล้านลูกบาศก์เมตรขึ้นไป และมีพื้นที่เก็บน้ำตั้งแต่ 15 ตารางกิโลเมตรขึ้นไป
11. โรงไฟฟ้า ประกอบด้วยโรงไฟฟ้าถ่านหิน ขนาดกำลังการผลิตตั้งแต่ 100 เมกะวัตต์ ขึ้นไป โรงไฟฟ้าชีวมวล ขนาดกำลังการผลิต 150 เมกะวัตต์ ขึ้นไป โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติที่ใช้ระบบพลังความร้อนร่วมชนิด Combined Cycle หรือ Cogeneration ขนาดกำลังการผลิตกระแสไฟฟ้ารวมตั้งแต่ 3,000 เมกะวัตต์ ขึ้นไป และโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ทุกขนาด โดยยกเว้นโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ

ทั้งนี้ โครงการส่วนใหญ่ในมาบตาพุดที่ถูกระงับการก่อสร้างและดำเนินงานเป็นการชั่วคราว ไม่ถือเป็นกิจการรุนแรงตามรายชื่อของกระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม ในเบื้องต้นมี 3 โครงการ ที่เข้าข่ายเป็นกิจการรุนแรง ได้แก่ โครงการขยายกำลังการผลิตเอทิลีนออกไซด์และเอทิลีนไกลคอล ของบริษัท ทีโอซี ไกลคอล จำกัด โครงการขยายกำลังการผลิตไวนิลคลอไรด์โมโนเมอร์ ของบริษัท ไทยพลาสติกและเคมีภัณฑ์ จำกัด (มหาชน) และโครงการนิคมอุตสาหกรรมเหมราชตะวันออกส่วนขยาย ของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยร่วมกับบริษัท อีสเทิร์นอินดัสเตรียลเอสเตท จำกัด (กรุงเทพธุรกิจ, 25 ส.ค. 2553 และฐานเศรษฐกิจ, 26-28 ส.ค. 2553)

Related
more icon
  • กบง. ปรับสูตรดีเซล ลดสัดส่วน B100 เริ่ม 21 พ.ย. 2567

    ตามที่ราคาน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) ได้ปรับสูงขึ้น จนราคาไบโอดีเซล (B100) อยู่ที่ราวลิตรละ 48 บาท จนมีผลให้ต้นทุนน้ำมันดีเซลสูงขึ้นตามไปด้วย ดังนั้น เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนและเพื่อให้การจัดการราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงเ...

    calendar icon08.11.2024
  • ราคาน้ำมันพุ่ง 3% Brent ทะลุ 80 ดอลลาร์สหรัฐ หวั่นวิกฤตตะวันออกกลางบานปลาย

    หลังจากราคาน้ำมันดิบ Brent พุ่งขึ้นกว่า 8% และราคาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้นกว่า 9% เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการปรับขึ้นรายสัปดาห์ที่มากที่สุดในรอบกว่า 1 ปี หลังจากอิหร่านยิงขีปนาวุธจำนวนมากโจมตีอิสราเอล ล่าสุดเมื่อวันท...

    calendar icon08.10.2024
Most Viewed
more icon
  • ราคาไม้สับเพิ่มขึ้นแตะระดับตันละ 1,300-1,350 บาท สูงสุดในรอบ 10 ปี

    สมาคมการค้าชีวมวลไทยเปิดเผยว่า ปัจจุบันผลผลิตพืชเกษตรหลายประเภท อาทิ อ้อย ลดลงมาก ปริมาณวัสดุเหลือใช้ที่นำมาผลิตเป็นเชื้อเพลิงชีวมวลจึงลดลงตามไปด้วย ส่งผลให้ความต้องการไม้สับ (Wood Chips) ที่ผลิตจากไม้ยางพารา ไม้ยูคาลิปต...

    calendar icon27.01.2021
  • เผยรายชื่อโรงพยาบาลเอกชนที่สั่งซื้อวัคซีนป้องกัน COVID-19 จากบริษัทต่างชาติ

    แหล่งข่าวจากวงการโรงพยาบาลเอกชนเปิดเผยว่า ขณะนี้โรงพยาบาลเอกชนหลายแห่งต้องการสั่งซื้อวัคซีนป้องกัน COVID-19 จากบริษัทผู้พัฒนาต่างชาติ (ที่นอกเหนือจากของ AstraZeneca อาทิ Moderna) เพื่อหวังจะนำวัคซีนดังกล่าวมาให้บริการแก่...

    calendar icon08.01.2021
  • เอกชนรุกลงทุนโรงพยาบาลใหม่

    สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมามีโรงพยาบาลเอกชนหลายแห่งทยอยยื่นรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) เพื่อขออนุญาตดำเนินโครงการ ทั้งโครงการใหม่และส่วนต่อขยาย ซึ่ง ...

    calendar icon08.01.2018
link อื่นๆ
  • Relate Preview
  • Relate Preview
Financial Products
  • Finance Preview
  • Finance Preview
  • Finance Preview