ข่าวเศรษฐกิจ

สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) ประเมินว่าสถานการณ์เงินบาทที่แข็งค่าขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ในเวลานี้ คงไม่กระทบต่อภาพรวมและตัวเลขการส่งออกของไทยในปี 2561 ซึ่งทาง สรท. ได้ปรับคาดการณ์ใหม่ จากเดิมขยายตัว 8% เป็นขยายตัว 9% แต่ประเด็นที่เป็นกังวล คือ รายได้ของผู้ส่งออกในรูปเงินบาทจะลดลงหรือไม่มีกำไร ซึ่งจะส่งผลถึงผลประกอบการ และการขาดสภาพคล่องในการรักษาหรือขยายธุรกิจ ทั้งนี้ ผู้ประกอบการซึ่งเป็นสมาชิกของ สรท. ได้หาวิธีป้องกันความเสี่ยงจากค่าเงินหลายวิธี อาทิ เจรจาซื้อขายกับประเทศเพื่อนบ้านเป็นเงินบาท เจรจาซื้อขายกับประเทศคู่ค้าเป็นเงินสกุลท้องถิ่นแทนดอลลาร์สหรัฐ การกำหนดการซื้ออัตราแลกเปลี่ยนล่วงหน้า (FX Forward) การจองสิทธิ์ในการซื้อขายเงินตราต่างประเทศ (FX Option) การเปิดบัญชีเงินฝากเงินตราต่างประเทศไว้กับธนาคาร และการบริหารรายได้กับรายจ่ายที่เป็นเงินตราต่างประเทศให้สอดคล้องกัน (Natural Hedge) อย่างไรก็ตาม วิธีที่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ใช้จะเป็นการกำหนดการซื้ออัตราแลกเปลี่ยนล่วงหน้า (FX Forward) กับธนาคาร เพราะเกรงว่าบาทจะแข็งค่าไปมากกว่านี้ ซึ่งส่วนใหญ่จะทำประกันความเสี่ยงค่าเงินไว้ 3-6 เดือน เนื่องจากระยะเวลาที่นานกว่านี้จะมีต้นทุนค่าพรีเมียม (ค่าธรรมเนียม) จากธนาคารเพิ่มขึ้น แต่ที่น่าเป็นห่วง คือ ผู้ส่งออกที่เป็น SMEs มีการทำ FX Forward กันน้อยมาก ส่วนหนึ่งเนื่องจากไม่มีวงเงินกับธนาคารมาก่อน หากจะทำก็ต้องหาหลักทรัพย์มาค้ำประกันทำให้มีต้นทุนเพิ่ม ขณะที่บางส่วนไม่ได้ทำเพราะจะรอช่วงเวลาที่บาทอ่อนค่าลง เพื่อจะมีรายได้เพิ่ม แต่หากไม่เป็นไปตามคาดก็จะได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก (ฐานเศรษฐกิจ, 9-12 ก.ย. 2561)