ข่าวเศรษฐกิจ

Bank of America Merrill Lynch สถาบันการเงินชั้นนำของสหรัฐฯ ได้ปรับขึ้นคาดการณ์ราคาน้ำมันในปี 2561 โดยราคาน้ำมัน Brent เพิ่มขึ้นจาก 56 เป็น 64 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล และราคาน้ำมัน WTI จาก 52 เป็น 60 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ด้วยปัจจัยหนุนจากปริมาณน้ำมันดิบในสหรัฐฯ ที่ลดลงถึง 13% การขยายตัวของเศรษฐกิจโลก และข้อตกลงลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปกและประเทศนอกโอเปก อย่างไรก็ตาม การปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันดิบในช่วงที่ผ่านมามักจะถูกแรงกดดันจากการกลับมาเพิ่มกำลังการผลิตของกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมันจากชั้นดินดานในสหรัฐฯ หรือ “เชลออยล์” ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีประสิทธิภาพการผลิตสูง และสามารถสร้างความได้เปรียบจากการแข่งขันได้หลายครั้งในอดีต ทั้งนี้ ข้อมูลจากสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) และสำนักงานข้อมูลพลังงานสหรัฐฯ (EIA) ได้เปิดเผยตรงกันว่า ปัจจุบันอุตสาหกรรมเชลออยล์ได้กลับมาเร่งขยายกำลังการผลิตซึ่งสวนทางกับนโยบายของกลุ่มโอเปก โดยคาดว่ากำลังการผลิตของเชลออยล์จะเพิ่มขึ้นอีกวันละ 1.1 แสนบาร์เรลในเดือนกุมภาพันธ์ 2561 ทำให้กำลังการผลิตต่อวันขยับขึ้นเป็น 6.55 ล้านบาร์เรล และอาจเพิ่มเป็น 10 ล้านบาร์เรลต่อวันภายในสิ้นปี 2561 ซึ่งจะทำให้สหรัฐฯ ขึ้นแท่นเป็นผู้ผลิตน้ำมันดิบอันดับ 1 ของโลก แซงหน้ารัสเซีย และซาอุดีอาระเบีย ทั้งนี้ การเคลื่อนไหวดังกล่าวของเชลออยล์ได้ส่งผลให้เกิดความกังวลต่อราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกว่าอาจจะมีแนวโน้มลดลงในอนาคต และการลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปกอาจไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่ได้ผล (โพสต์ทูเดย์, 23 ม.ค. 2561)