ข่าวเศรษฐกิจ

ตามที่รัฐบาลญี่ปุ่นมีนโยบายส่งเสริมพลังงานทดแทน เพื่อทดแทนโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวและสึนามิ โดยตั้งเป้าผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนให้ได้ 50,000 เมกะวัตต์นั้น ปัจจุบันเริ่มพบว่ามีปัญหาการเร่ขายใบอนุญาตผลิตไฟฟ้า โดยเฉพาะโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ เช่นเดียวกับในประเทศไทย ล่าสุดแหล่งข่าวจากผู้ประกอบการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนเปิดเผยว่า หน่วยงานด้านพลังงานของญี่ปุ่นได้ส่งสัญญาณถึงผู้ประกอบการที่ได้ใบอนุญาตพัฒนาโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ให้รีบดำเนินการตามแผนที่วางไว้ ซึ่งหากยังไม่มีความคืบหน้า รัฐบาลญี่ปุ่นเตรียมดำเนินการ 3 เรื่อง คือ 1) รวบรวมกำลังผลิตที่ยังไม่ดำเนินการมาเปิดรับซื้อใหม่อีกครั้งในปี 2561 2) ปรับลดราคาค่าไฟฟ้าที่จะรับซื้อลงอีก (อัตราเดิมอยู่ที่ 24 เยน/หน่วย หรือราว 8 บาท/ หน่วย) และ 3) กำหนดเงื่อนไขด้านระบบสายส่งเพิ่มเติม โดยผู้ผลิตไฟฟ้าจะต้องยื่นประมูลขอใช้สายส่ง เนื่องจากญี่ปุ่นเริ่มมีปัญหาสายส่งไม่พอรองรับกำลังผลิตใหม่ ทั้งนี้ ปัจจุบันมีนักลงทุนไทยเข้าไปลงทุนพลังงานแสงอาทิตย์ในญี่ปุ่นเป็นจำนวนมาก ซึ่งบางส่วนได้พัฒนาโครงการและผลิตไฟฟ้าเข้าระบบบ้างแล้ว แต่ยังมีหลายโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการพัฒนา และอาจมีความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบจากการปรับหลักเกณฑ์ดังกล่าว นอกจากนี้ นักลงทุนที่เข้าไปพัฒนาโรงไฟฟ้า ยังต้องเผชิญปัญหาในการหาพื้นที่ตั้งโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ได้ยากขึ้น เพราะพื้นที่ราบสำหรับวางแผงโซลาร์เซลล์ในขณะนี้เหลือน้อยมาก ขณะที่การลงทุนบนพื้นที่ราบสลับกับภูเขาก็มีต้นทุนค่อนข้างสูง หากมีการปรับลดค่าไฟฟ้าลงอีก ยิ่งต้องบริหารต้นทุนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันยังไม่มีรายงานว่ามีโครงการของนักลงทุนไทยได้รับผลกระทบหรือไม่ (ประชาชาติธุรกิจ, 30 พ.ย.-3 ธ.ค. 2560)