ข่าวเศรษฐกิจ

ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (กรศ.) ซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นประธาน ติดตามความคืบหน้าการขับเคลื่อนการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) มีรายละเอียดสำคัญ ดังนี้ โครงการเร่งด่วนที่จะจัดทำแผนปฏิบัติให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือน จำนวน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา และโครงการเร่งรัดการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงและรถไฟรางคู่ กรุงเทพฯ-ระยอง เพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงระหว่างสนามบินอู่ตะเภา สุวรรรณภูมิและดอนเมืองอย่างไร้รอยต่อ และการรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงาน ได้แก่ การขยายท่าเรือแหลมฉบัง สัตหีบและมาบตาพุด การดำเนินงานเขตนวัตกรรม EEC และเขตนวัตกรรมดิจิทัลภาคตะวันออก และการชักจูงนักลงทุนรายสำคัญของโลกให้เข้ามาลงทุนในพื้นที่ EEC เบื้องต้นพบว่ามีนักลงทุนให้ความสนใจลงทุนจำนวน 16 ราย ใน 7 คลัสเตอร์ ดังนี้ 1) คลัสเตอร์ยานยนต์สมัยใหม่ เช่น เทสลา, เซี่ยงไฮ้ มอเตอร์, BMW, SUZUKI และ Mercedes Benz 2) คลัสเตอร์อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ คือ Foxconn 3) คลัสเตอร์อุตสาหกรรมเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ 2 ราย ได้แก่ Reliance Group และ Otsuka 4) คลัสเตอร์อุตสาหกรรมหุ่นยนต์ คือ Kuka 5) คลัสเตอร์การแพทย์ครบวงจร คือ Fujifilm 6) คลัสเตอร์อุตสาหกรรมขนส่งและการบิน ได้แก่ แอร์บัส, โบอิ้ง และเทียนจิน และ 7) คลัสเตอร์อุตสาหกรรมดิจิทัล ได้แก่ ลาซาด้า, อาลีบาบา และ IZp Group ทั้งนี้ กรศ. จะเร่งประสานให้นักลงทุนกลุ่มดังกล่าวให้เข้ามาลงทุนในไทยให้สำเร็จภายในปี 2560 (ฐานเศรษฐกิจ, 16-18 มี.ค. 2560)