ข่าวเศรษฐกิจ

เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2559 สมาชิกสภานิติบัญญัติของกรีซลงมติผ่านมาตรการปฏิรูปภาษีและเงินบำนาญด้วยมติ 153 เสียงจาก 300 เสียงในสภาฯ เพื่อเปิดทางสู่การขอรับเงินช่วยเหลืองวดที่ 3 จำนวน 86 พันล้านยูโร จากกลุ่มเจ้าหนี้ ก่อนที่จะครบกำหนดชำระหนี้รอบใหญ่มูลค่าราว 3.6 พันล้านยูโรในเดือนกรกฎาคม 2559 ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวตั้งเป้าเพิ่มยอดเกินดุลงบประมาณต่อ GDP ของกรีซเป็น 3% หรือคิดเป็นเงินมูลค่า 5.4 พันล้านยูโรภายในปี 2561 โดยมีรายละเอียดที่สำคัญ อาทิ 1) ปรับเพิ่มอัตราภาษีเงินได้สำหรับผู้มีรายได้สูง 2) ปรับลดเกณฑ์ช่วงรายได้การยกเว้นภาษีเงินได้ 3) กำหนดเกณฑ์เงินบำนาญใหม่ โดยจะให้เงินบำนาญเฉพาะข้าราชการที่ทำงานเป็นระยะเวลา 20 ปีขึ้นไปจำนวน 384 ยูโรต่อเดือน 4) ยกเลิกผลประโยชน์สำหรับผู้รับบำนาญยากจน เป็นต้น ส่งผลให้สหภาพแรงงานและชาวกรีซหลายหมื่นคนหยุดงานและชุมนุมประท้วงต่อต้านรัฐบาลกรีซบนถนนหลายสายในกรุงเอเธนส์ เมืองหลวงของกรีซ จนสถานการณ์ลุกลามและนำไปสู่การปะทะกันอย่างรุนแรงระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจและกลุ่มผู้ประท้วง ทั้งนี้ หลังจากรีซผ่านมาตรการปฏิรูปเศรษฐกิจดังกล่าว คณะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหภาพยุโรป (European Union : EU) ได้เรียกประชุมฉุกเฉินภายในวันเดียวกัน เพื่อหารือเกี่ยวกับการมอบเงินช่วยเหลือกรีซเพิ่มเติม พร้อมกับเสนอขยายระยะเวลาปลอดการชำระหนี้ (Grace Period) หากกรีซสามารถดำเนินการตามเงื่อนไขปฏิรูปเศรษฐกิจได้สำเร็จ (BBC, โพสต์ทูเดย์, 9-10 พ.ค. 2559)