ข่าวเศรษฐกิจ

สรท. เผย 6 ปัจจัยเสี่ยงฉุดการส่งออกไทย

สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผย 6 ปัจจัยเสี่ยงที่จะกระทบการส่งออกไทยในระยะถัดไป ดังนี้ 

  1. การระบาด COVID-19 ในประเทศ ซึ่งปัจจุบันยังมีจำนวนผู้ติดเชื้อในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง นอกจากกระทบเศรษฐกิจในภาพรวมแล้ว  การที่แรงงานในโรงงานอุตสาหกรรมติดเชื้อ COVID-19 อาจจะทำให้การผลิตหยุดชะงักหรือผลิตได้ไม่เต็มที่ ส่งผลต่อการส่งมอบสินค้าและการส่งออกไม่สามารถขยายตัวได้ 10-12% ตามที่คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ ผู้ประกอบการยังมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นค่อนข้างสูงจากมาตรการป้องกันทางสาธารณสุขภายในโรงงาน (Bubble & Seal) และเครื่องมือชุดตรวจโรค (ATK)  
  2. ปัญหาการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ค่าระวางเรือยังอยู่ในทิศทางขาขึ้นเกือบทุกเส้นทาง โดยเฉพาะเส้นทางยุโรป และสหรัฐฯ เนื่องจากปริมาณการขนส่งทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง สอดคล้องกับทิศทางเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว รวมถึงค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม อาทิ Peak Season Surcharge (PSS) และอื่นๆ ซึ่งผู้นำเข้า/ส่งออก ต้องชำระเพิ่มเนื่องจากสถานการณ์การขาดแคลนระวางและตู้คอนเทนเนอร์  ปัญหาการบริหารจัดการตู้สินค้าภายในท่าเทียบเรือ และปัญหาการล่าช้าของเรือทำให้ตู้สินค้าตึงตัว  อาทิ การปิด Meishan Island Container Terminal ของท่าเรือ Ningbo ส่งผลให้สายเรือทำ Blank Sailing และการเปลี่ยนแปลงตารางเรือไปถ่ายลำที่ท่าเรืออื่นแทน ทำให้ท่าเรือใกล้เคียงเกิดความแออัดเพิ่มขึ้นตามมา
  3. ต่างประเทศยกระดับมาตรการคุมเข้มในการตรวจหาเชื้อ COVID-19 อาทิ จีนเพิ่มระดับความเข้มงวดในการตรวจ COVID-19 กับสินค้าที่นำเข้า ส่งผลกระทบต่อเนื่องถึงการหมุนเวียนตู้สินค้า และการส่งออกในบางรายสินค้า
  4. การขาดแคลนแรงงาน ความต้องการแรงงานในกระบวนการผลิตเพิ่มขึ้น ขณะที่แรงงานต่างด้าวที่เดินทางกลับประเทศและยังไม่ได้เดินทางกลับเข้ามา เนื่องจากมาตรการปิดประเทศ ประกอบกับปัจจุบันการจัดสรรวัคซีน COVID-19 ในประเทศยังไม่เพียงพอกับจำนวนแรงงานในภาคการผลิต จึงยิ่งซ้ำเดิมปัญหาการขาดแคลนแรงงานให้ทวีความรุนแรงมากขึ้นและกระทบต่อการผลิตเพื่อการส่งออก
  5. ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวในทิศทางแข็งค่า อาจส่งผลต่อการส่งออกของไทยในระยะต่อไป
  6. ปริมาณปัจจัยการผลิตไม่เพียงพอและต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้น อาทิ ปัญหาการขาดแคลนชิป เหล็ก และผลผลิตทางการเกษตร ซึ่งอาจมีแนวโน้มขาดแคลนต่อเนื่องถึงไตรมาส 4/2564

(www.bangkokbiznews.com, 7 ก.ย. 2564)

Related
more icon
  • กกร. คงกรอบ GDP ปี 2567 ขยายตัว 2.8-3.3% คาดส่งออกขยายตัว 2-3%

    ที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) คงประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยในปี 2567 ที่ 2.8-3.3% ส่วนการส่งออกคาดว่าจะขยายตัวได้ 2-3% ขณะที่การท่องเที่ยวยังฟื้นตัวได้ แต่จำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนยั...

    calendar icon07.03.2024
  • คชก. เคาะ EIA รถไฟไทย-จีนเฟส 2 เร่งศึกษาออกแบบสะพานใหม่เชื่อม สปป.ลาว

    กรมการขนส่งทางราง (ขร.) กระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทย-จีน ในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาคช่วงกรุงเทพมหานคร-หนองคาย ว่าปัจจุบันการออกแบบงานโยธาในส่วนโครงการระยะที...

    calendar icon20.02.2024
Most Viewed
more icon
  • เผยรายชื่อโรงพยาบาลเอกชนที่สั่งซื้อวัคซีนป้องกัน COVID-19 จากบริษัทต่างชาติ

    แหล่งข่าวจากวงการโรงพยาบาลเอกชนเปิดเผยว่า ขณะนี้โรงพยาบาลเอกชนหลายแห่งต้องการสั่งซื้อวัคซีนป้องกัน COVID-19 จากบริษัทผู้พัฒนาต่างชาติ (ที่นอกเหนือจากของ AstraZeneca อาทิ Moderna) เพื่อหวังจะนำวัคซีนดังกล่าวมาให้บริการแก่...

    calendar icon08.01.2021
  • ราคาไม้สับเพิ่มขึ้นแตะระดับตันละ 1,300-1,350 บาท สูงสุดในรอบ 10 ปี

    สมาคมการค้าชีวมวลไทยเปิดเผยว่า ปัจจุบันผลผลิตพืชเกษตรหลายประเภท อาทิ อ้อย ลดลงมาก ปริมาณวัสดุเหลือใช้ที่นำมาผลิตเป็นเชื้อเพลิงชีวมวลจึงลดลงตามไปด้วย ส่งผลให้ความต้องการไม้สับ (Wood Chips) ที่ผลิตจากไม้ยางพารา ไม้ยูคาลิปต...

    calendar icon27.01.2021
  • เอกชนรุกลงทุนโรงพยาบาลใหม่

    สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมามีโรงพยาบาลเอกชนหลายแห่งทยอยยื่นรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) เพื่อขออนุญาตดำเนินโครงการ ทั้งโครงการใหม่และส่วนต่อขยาย ซึ่ง ...

    calendar icon08.01.2018
link อื่นๆ
  • Relate Preview
  • Relate Preview
Financial Products
  • Finance Preview
  • Finance Preview
  • Finance Preview