ข่าวเศรษฐกิจ

แหล่งข่าวจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า กฟผ.จะผลักดันโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับเข้าไปอยู่ในแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ (PDP) ฉบับใหม่ ภายใต้แผนพลังงานชาติ เพื่อผลิตไฟฟ้ารองรับความต้องการในรูปแบบแหล่งพลังงานสำรอง ซึ่งเป็นระบบกักเก็บพลังงานหรือ Energy Storage System (ESS) ที่ช่วยเติมเต็มให้กับโครงข่ายระบบไฟฟ้าของประเทศให้มีความมั่นคงมากยิ่งขึ้น และสอดรับกับแผนการขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านสมาร์ตกริด (Smart Grid) ของประเทศไทย ระยะปานกลาง พ.ศ. 2565-2574 ของสำนักงานนโยบายพลังงานแห่งชาติ (สนพ.) ที่กำหนดกรอบการพัฒนาในระยะ 11 ปี (ปี 2570-2580) ด้วยงบประมาณราว 93,350 ล้านบาท ซึ่งโครงการดังกล่าวจะมีส่วนสนับสนุนให้ประเทศไทยมุ่งสู่พลังงานสะอาด และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิให้เป็นศูนย์ (Carbon Neutrality) ภายในปี ค.ศ. 2065-2070

ทั้งนี้ หลังจากที่ กฟผ.ได้สำรวจและศึกษาศักยภาพของโรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับแล้ว พบว่ามีความเป็นไปได้ 3 โครงการ ได้แก่

1) โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับเขื่อนจุฬาภรณ์ กำลังผลิตติดตั้ง 801 เมกะวัตต์ (MW) อายุโรงไฟฟ้า 50 ปี สามารถจ่ายพลังไฟฟ้าได้ 6,400 MWh ตามปริมาตรของน้ำในอ่างเก็บน้ำ ใช้เงินลงทุนราว 31,300 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในปี 2570 และแล้วเสร็จจ่ายไฟฟ้า (COD) ได้ในปี 2577

2) โรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับเขื่อนวชิราลงกรณ์ กำลังการผลิต 891 MW เพื่อเป็น ESS ทำงานร่วมกับโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนทุ่นลอยน้ำของเขื่อน มีระบบ Hybrid Energy Management System ในการบริหารจัดการพลังงานในการจัดเก็บและจ่ายเข้าระบบไฟฟ้า คาดว่าจะใช้เงินลงทุน 32,100 ล้านบาท เริ่มก่อสร้างในปี 2572

3) โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับเขื่อนศรีนครินทร์ กำลังผลิตโรงไฟฟ้ารวม 801 MW อายุโรงไฟฟ้า 50 ปี จ่ายพลังไฟฟ้าได้ 6,400 MWh เพื่อเป็น ESS ทำงานร่วมกับโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนทุ่นลอยน้ำของเขื่อน มีระบบ Hybrid Energy Management System ใช้เงินลงทุน 29,950 ล้านบาท เริ่มก่อสร้างในปี 2572 คาดว่าจะใช้เวลาก่อสร้างราว 6 ปี

(ฐานเศรษฐกิจ, 24-26 มี.ค. 2565)