ข่าวเศรษฐกิจ

สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันภาคเอกชนตื่นตัวติดตั้งแผงโซลาร์บนหลังคาโรงงานมากถึง 1,000 เมกะวัตต์ (MW) เนื่องจากคุ้มค่าต่อการลงทุนสำหรับใช้ไฟฟ้าตอนกลางวัน เพราะโซลาร์รูฟท็อปช่วยประหยัดค่าไฟได้หน่วยละ 3-4 บาท และล่าสุดภาครัฐก็มีนโยบายรับซื้อไฟฟ้าส่วนที่เหลือใช้ เพื่อรับมือกับราคา LNG ที่ปรับขึ้นจนกระทบต่อต้นทุนการผลิตไฟฟ้า ทั้งนี้ ตัวอย่างภาคเอกชนที่ติดตั้งแผงโซลาร์รูฟ อาทิ บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) และบริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ที่ติดตั้งแผงโซลาร์บนหลังคาโรงงาน และติดตั้งโซลาร์ลอยน้ำในโรงงานที่ จ.มุกดาหาร รวมทั้งพยายามใช้พลังงานจากไฟฟ้าชีวมวลร่วมด้วย ทำให้ซื้อไฟฟ้าจากภายนอกลดลง บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF มีนโยบายยกเลิกใช้ถ่านหินในปี 2565 โดยติดตั้งแผงโซลาร์บนหลังคาโรงงานและอาคารสำนักงานไปแล้ว 23 แห่ง โซลาร์ฟาร์ม 4 แห่ง และโซลาร์ลอยน้ำ 2 แห่ง และคาดว่าจะติดตั้งโซลาร์รูฟ โซลาร์ฟาร์ม และโซลาร์ลอยน้ำอีกไม่น้อยกว่า 60 แห่ง ในปี 2566 ซึ่งจะทำให้มีกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์รวม 43 MW เทียบเท่าการใช้ไฟฟ้าปีละ 62 ล้านหน่วย ขณะที่บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ WHAUP จัดทำโครงการโซลาร์รูฟท็อปขนาด 820 KWp พ่วงกับระบบกักเก็บพลังงานขนาด 550 KWh เพื่อจ่ายไฟฟ้าให้ระบบสาธารณูปโภคภายในนิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) ช่วยลดต้นทุนด้านพลังงานได้ปีละ 4 ล้านบาท และลดการปล่อย CO2 สู่ชั้นบรรยากาศได้ถึง 10,500 ตัน (ประชาชาติธุรกิจ, 23-26 เม.ย. 2565)