ข่าวเศรษฐกิจ

บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC เปิดเผยผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2565 ว่ามีรายได้จากการขายสุทธิ 76,608 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% (q-o-q) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลจากราคาขายเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันดิบ ขณะที่กำไรขั้นต้นจากการผลิตตามราคาตลาด (Market GIM) ลดลง 39% เหลือ 4,105 ล้านบาท หรือ 7.08 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เนื่องจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ ทั้งน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานและปิโตรเคมี ปรับลดลง ประกอบกับต้นทุนราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้น แม้ว่าส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์น้ำมันดีเซลและน้ำมันเบนซินปรับตัวดีขึ้น 

สำหรับแนวโน้มตลาดน้ำมันดิบในไตรมาส 2/2565 คาดว่าปริมาณการใช้น้ำมันโลกจะสูงขึ้นจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุม COVID-19 ในหลายประเทศทั่วโลก ที่ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมฟื้นตัว เช่นเดียวกับตลาดปิโตรเคมีในไตรมาส 2/2565 ที่คาดว่าความต้องการผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีจะปรับตัวดีขึ้น โดยผู้ผลิตสินค้าปลายทางเริ่มกลับมาสั่งซื้อเม็ดพลาสติกมากขึ้น เนื่องจากคาดว่าราคาวัตถุดิบจะยังอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องจากสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน ประกอบกับความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีจากอุตสาหกรรมปลายน้ำ เช่น บรรจุภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม อุปกรณ์ทางการแพทย์และสุขอนามัย ที่ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องตามการปรับตัวในการดำเนินชีวิตแบบวิถีใหม่ (New Normal) รวมถึงความต้องการในธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว เพราะ EV จะใช้พลาสติกเป็นส่วนประกอบในปริมาณมากเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขับเคลื่อน อย่างไรก็ตาม กำลังการผลิตใหม่ที่เพิ่มขึ้นจำนวนมากในปี 2565 ซึ่งส่วนใหญ่มาจากจีนตามนโยบายการลดการพึ่งพาการนำเข้าปิโตรเคมี (Self-sufficiency) รวมถึงปัญหาค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้น และปัญหาความแออัดของท่าเรือ ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่กดดันราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี (https://www.matichon.co.th, 12 พ.ค. 2565)