ข่าวเศรษฐกิจ

บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC เปิดเผยว่า ในปี 2565 บริษัทฯ เผชิญวัฏจักรปิโตรเคมีขาลงถึงจุดต่ำสุดในรอบ 20 ปี ส่งผลกระทบต่อบริษัทย่อยอย่างบริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGC ที่มีต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้น และยังมีกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นของผู้ผลิตรายใหม่ซึ่งเกินความต้องการของตลาดโลก ขณะที่นโยบาย Zero COVID ของจีนฉุดให้เศรษฐกิจจีนชะลอตัวลง จนกระทบต่อการส่งออกเคมีภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ไปจีน จึงฉุดให้ Margin ของธุรกิจเคมิคอลส์ลดลงมาอยู่ในระดับต่ำมาก SCGC จึงปรับลดกำลังการผลิตลงให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด เช่นเดียวกับผู้ผลิตปิโตรเคมีรายอื่นๆ ในโลกที่ต่างลดกำลังการผลิตลงในช่วงที่ผ่านมา โดย SCGC มีปริมาณจำหน่ายโพลีโอเลฟินส์ในไตรมาส 3/2565 ลดลง 16% (y-o-y) เหลือ 422,000 ตัน

          ขณะเดียวกันธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างก็ประสบปัญหาต้นทุนพลังงานสูงขึ้น ทำให้ต้องปรับลดสัดส่วนการใช้ถ่านหินที่มีราคาสูงและหันไปใช้เชื้อเพลิงทางเลือก ไม่ว่าจะเป็นพลังงานชีวมวล (Biomass) จากวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร หรือเชื้อเพลิงจากขยะ (RDF) คิดเป็นสัดส่วน 40% ของการใช้เชื้อเพลิงทั้งหมด ซึ่งที่ผ่านมา SCC มีการลงทุนในพลังงานหมุนเวียนอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งได้ทยอยปรับขึ้นราคาซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างเพื่อสะท้อนต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ทำให้ผลประกอบการธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างไม่ได้แย่กว่าที่ควรจะเป็น ส่วนธุรกิจบรรจุภัณฑ์พบว่า บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP  ยังเติบโตได้ดี แม้ต้องเผชิญราคาพลังงานที่ผันผวน (ผู้จัดการรายวัน 360 องศา, 10 พ.ย. 2565)