ข่าวเศรษฐกิจ

ตามที่ที่ประชุมคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) มอบหมายให้สำนักงาน กกพ. จัดทำแนวทางอัตราค่าไฟฟ้างวดเดือน พ.ค.-ส.ค. 2566 เป็น 3 กรณีแบ่งตามการจ่ายคืนภาระต้นทุนคงค้างของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) นั้น ล่าสุด กกพ. ได้เห็นชอบผลการคำนวณประมาณค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (ค่า Ft) สำหรับงวดเดือน พ.ค.-ส.ค. 2566 เพื่อนำเปิดไปรับฟังความคิดเห็น ดังนี้ 

กรณีที่ 1 (จ่ายคืนภาระต้นทุนคงค้างใน 1 งวด) ค่า Ft งวดเดือน พ.ค.-ส.ค. 2566 ปรับขึ้นเป็นหน่วยละ 293.60 สตางค์ แบ่งเป็นค่า Ft ขายปลีกประมาณการที่สะท้อนต้นทุนเดือน พ.ค.- ส.ค. 2566 หน่วยละ 63.37 สตางค์ และเงินเรียกเก็บเพื่อชดเชยต้นทุนที่เกิดขึ้นจริงของ กฟผ. ทั้งหมด หรือเงินภาระต้นทุนคงค้างสะสมเดือน ก.ย. 2564–ธ.ค. 2565 รวม 150,268 ล้านบาท คิดเป็นหน่วยละ 230.23 สตางค์ ทำให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ย (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ปรับขึ้นเป็นหน่วยละ 6.72 บาท

กรณีที่ 2 (จ่ายคืนภาระต้นทุนคงค้างใน 5 งวด) ค่า Ft ปรับขึ้นเป็นหน่วยละ 105.25 สตางค์ แบ่งเป็นค่า Ft ตามต้นทุน 63.37 สตางค์ และเงินเพื่อชดเชยต้นทุน กฟผ. ที่คาดว่าจะคงเหลือจากเดือน ม.ค.-เม.ย. 2566 รวม 136,686 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น 5 งวด งวดละ 27,337 ล้านบาทหรือหน่วยละ 41.88 สตางค์ เพื่อให้ กฟผ. ได้รับเงินคืนครบภายในเดือน ธ.ค. 2567 ซึ่งจะทำให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยปรับขึ้นเป็นหน่วยละ 4.84 บาท ตามข้อเสนอของ กฟผ.

กรณีที่ 3 (จ่ายคืนภาระต้นทุนคงค้างใน 6 งวด)  ค่า Ft ปรับขึ้นเป็นหน่วยละ 98.27 สตางค์ แบ่งเป็นค่า Ft ตามต้นทุน 63.37 สตางค์ และเงินเพื่อชดเชยต้นทุน กฟผ. 136,686 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น 6 งวด งวดละ 22,781 ล้านบาทหรือหน่วยละ 34.90 สตางค์ เพื่อให้ กฟผ. ได้รับเงินคืนครบภายใน 2 ปี (เม.ย. 2568) ซึ่งจะทำให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยปรับขึ้นเป็นหน่วยละ 4.77 บาท

(www.energynewscenter.com, 10 มี.ค. 2566)