ข่าวเศรษฐกิจ

บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU เปิดเผยความคืบหน้าในการนำ BKV Corporation (BKV) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบ้านปูที่ดําเนินธุรกิจผลิตก๊าซธรรมชาติ (Shale Gas) และธุรกิจโรงไฟฟ้าก๊าซฯ ในสหรัฐฯ ที่เคยมีแผนจะนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ New York Stock Exchange (NYSE) ในปี 2566 ว่าบริษัทฯ จะรอให้สถานการณ์ในตลาดหลักทรัพย์ดีขึ้นก่อน ทั้งนี้ BKV มีกำลังการผลิตก๊าซธรรมชาติใหญ่เป็นอันดับ 1 ในรัฐเทกซัส และเป็นอันดับที่ 16 ในสหรัฐฯ โดยมีปริมาณการผลิตก๊าซธรรมชาติจาก 2 แหล่ง คือแหล่งก๊าซมาร์เซลลัส (Marcellus) ในรัฐเพนซิลเวเนีย ซึ่งเป็นแหล่งก๊าซธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ และแหล่งก๊าซบาร์เนตต์ (Barnett) ในรัฐเทกซัส กำลังการผลิตรวมราววันละ 800 ล้านลูกบาศก์ฟุต 

ส่วนธุรกิจไฟฟ้าในสหรัฐฯ กลุ่ม BANPU มีกำลังการผลิตรวม 1,523 เมกะวัตต์ (MW) หลังจากบริษัท Temple Generation Intermediate Holding ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ BANPU ได้เข้าซื้อบริษัท CXA Temple 2 ผู้ประกอบธุรกิจโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ (Temple II) กำลังการผลิต 755 MW เพิ่มจากโรงไฟฟ้า Temple I ขนาด 768 MW ที่มีอยู่เดิม ทำให้บริษัทฯ มีกระแสไฟฟ้าที่มีเสถียรภาพยิ่งขึ้น และมีต้นทุนการผลิตลดลงกว่า 20% อย่างไรก็ตาม คาดว่ารายได้ของ BKV ในปี 2566 อาจเติบโตได้ไม่เท่ากับปี 2565 เนื่องจากราคาจำหน่ายก๊าซธรรมชาติเฉลี่ยลดลงจากปี 2565 มาเหลือเฉลี่ย 4 ดอลลาร์สหรัฐต่อล้านบีทียู (https://mgronline.com, 18 ก.ค. 2566)