ข่าวเศรษฐกิจ

ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารให้อำนาจรัฐมนตรีคลังในการห้ามหรือจำกัดการลงทุนของบริษัทอเมริกันในกิจการต่างๆ ของจีนใน 3 ภาคส่วน ได้แก่ เซมิคอนดักเตอร์และไมโครอิเล็กทรอนิกส์ เทคโนโลยีสารสนเทศเชิงควอนตัม และระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) บางอย่าง รวมทั้งกำหนดให้นักลงทุนชาวอเมริกันแจ้งรัฐบาลสำหรับการลงทุนในเทคโนโลยีอื่นๆ ซึ่งเจ้าหน้าที่ในคณะบริหารอธิบายว่า คำสั่งนี้มุ่งป้องกันไม่ให้นำเงินทุนและความเชี่ยวชาญของสหรัฐฯ ไปช่วยจีนพัฒนาเทคโนโลยีที่อาจถูกใช้เพื่อสนับสนุนการปรับปรุงกองทัพของจีนให้ทันสมัย และบ่อนทำลายความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ และมาตรการเหล่านี้พุ่งเป้าจำกัดการลงทุนของสหรัฐฯ ทั้งการลงทุนในหุ้นนอกตลาด (Private Equity) ธุรกิจเงินร่วมลงทุน (Venture Capital) โครงการร่วมค้า (Joint Ventures) และการลงทุนในกิจการใหม่ๆ ตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง (Greenfield Investments)

ต่อมากระทรวงการต่างประเทศของจีนได้ออกคำแถลงแสดงความกังวลอย่างยิ่งกับคำสั่งดังกล่าว และขอสงวนสิทธิ์ในการใช้มาตรการตอบโต้ รวมทั้งเรียกร้องให้สหรัฐฯ ทำตามสัญญาที่เคยระบุว่าไม่ต้องการตัดขาดจากจีนหรือขัดขวางการพัฒนาเศรษฐกิจของจีน ขณะที่สถานเอกอัครราชทูตจีนในวอชิงตันระบุว่า ปัจจุบันมีบริษัทอเมริกันทำธุรกิจในจีนกว่า 70,000 แห่ง และมาตรการปิดกั้นนี้จะส่งผลกระทบต่อทั้งธุรกิจจีนและสหรัฐฯ แทรกแซงการร่วมมือกันอย่างเป็นปกติ และลดความเชื่อมั่นของนักลงทุนในสหรัฐฯ (www.prachachat.net, 10 ส.ค. 2566 และ https://mgronline.com, 11 ส.ค. 2566)