ข่าวเศรษฐกิจ

Nikkei Asia รายงานว่าการส่งออกเหล็กของจีนพุ่งสูงถึงระดับที่ส่งผลกระทบต่อตลาดต่างประเทศและจุดชนวนความขัดแย้งทางการค้า โดยคาดว่าจีนจะส่งออกเหล็กราว 90 ล้านตันในปี 2566 เข้าใกล้สถิติปี 2558 ที่ส่งออกมากถึง 110 ล้านตัน และเป็นปีที่หลายประเทศทั่วโลกต่างงัดมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (Anti-dumping Duty : AD) มาใช้กับเหล็กจีน ในเดือน ก.ย. 2566 จีนส่งออกเหล็กมายังไทยเพิ่มขึ้นราว 60% (y-o-y) ส่งออกไปยังมาเลเซียเพิ่มขึ้นราว 80% อินโดนีเซียเพิ่มขึ้น 2 เท่า และเวียดนามเพิ่มขึ้น 4 เท่า สมาคมอุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้าของอินโดนีเซียจึงโน้มน้าวให้รัฐบาลดำเนินมาตรการปกป้องอุตสาหกรรม เช่นเดียวกับรัฐบาลเวียดนามที่เริ่มพิจารณาการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบทางการค้า  

แม้ปัจจุบันผลผลิตเหล็กของจีนเริ่มส่งสัญญาณชะลอตัว สังเกตจากการผลิตเหล็กดิบในเดือน ต.ค. 2566 ที่ลดลง 1.8% (y-o-y) เหลือ 79.1 ล้านตัน แต่ยอดรวมในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2566 ที่ 874.7 ล้านตัน ยังคงสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ปัญหาของอุตสาหกรรมเหล็กจีนคือความต้องการใช้เหล็กในประเทศลดลง โดยมีสาเหตุหลักจากตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ซบเซา นอกจากนี้ ยังน่าสังเกตว่าปัจจุบันจีนกำลังเปลี่ยนไปเพิ่มการส่งออกผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มสูงด้วย โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2566 จีนส่งออกเหล็กรีดร้อนสูงถึง 14 ล้านตัน สูงกว่ายอดรวมทั้งปี 2558 ขณะที่การส่งออกเหล็กเส้นเหลือเพียงไม่ถึง 5 ล้านตัน  ลดลงมากเมื่อเทียบกับที่จีนเคยส่งออกกว่า 30 ล้านตันในปี 2558 (www.prachachat.net, 24 ธ.ค. 2566)