ข่าวเศรษฐกิจ

คณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ด EV) เห็นชอบมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ ทั้งรถโดยสารไฟฟ้า (E-Bus) และรถบรรทุกไฟฟ้า (E-Truck) โดยจะอนุญาตให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลสามารถหักค่าใช้จ่ายในการคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับการซื้อรถโดยสารไฟฟ้าและรถบรรทุกไฟฟ้ามาใช้งาน โดยไม่กำหนดเพดานราคาขั้นสูง ในกรณีซื้อรถยนต์ที่ผลิต/ประกอบในประเทศ สามารถนำมาหักค่าใช้จ่ายได้ 2 เท่า และในกรณีที่นำเข้ารถยนต์สำเร็จรูปจากต่างประเทศ สามารถหักค่าใช้จ่ายได้ 1.5 เท่า ซึ่งมาตรการนี้จะมีผลตั้งแต่พระราชกฤษฎีกาที่กระทรวงการคลังจะออกมาประกาศใช้ไปจนถึงสิ้นปี 2568 คาดว่าจะมีรถยนต์ทั้งสองประเภทที่เป็น EV ในโครงการนี้ประมาณ 10,000 คัน แบ่งเป็นรถบัส 6,000 คัน และรถบรรทุก 4,000 คัน ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวถือเป็นการต่อยอดจากมาตรการ EV 3.0 และ EV 3.5 ที่เน้นกลุ่มรถยนต์นั่งรถจักรยานยนต์และรถกระบะเป็นหลัก ซึ่งจะช่วยเร่งให้เกิดการปรับเปลี่ยนรถยนต์เชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ไปสู่ยานยนต์ไฟฟ้าได้ไม่ต่ำกว่า 10,000 คัน ช่วยลดการปล่อยมลภาวะในภาคการขนส่ง และตอกย้ำการเป็นศูนย์กลาง EV ของภูมิภาคในรถยนต์ทุกประเภท โดยไทยพร้อมจะปรับมาตรการ EV ให้มีความยืดหยุ่นและทันต่อการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีที่รวดเร็วในอนาคต 

นอกจากนี้ บอร์ด EV ยังเห็นชอบให้ปรับปรุงมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าระยะที่ 2 หรือ EV 3.5 เช่น ขยายขอบเขตของรถยนต์ไฟฟ้าที่ได้รับสิทธิให้ครอบคลุมรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน และเพิ่มคุณสมบัติของรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า กรณีที่มีขนาดแบตเตอรี่ต่ำกว่า 3 KWh แต่มีระยะทางวิ่งมากกว่า 75 กิโลเมตรต่อรอบการชาร์จ รวมทั้งมีมาตรฐานความปลอดภัย สามารถเข้าร่วมมาตรการ EV 3.5 ได้ เพื่อตอบโจทย์ผู้ประกอบการมากขึ้น (กรุงเทพธุรกิจ, 22 ก.พ. 2567)