ข่าวเศรษฐกิจ

บริษัท ทีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TEAMG เปิดเผยว่า จากแบบจำลองล่าสุดขององค์การบริหารมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติสหรัฐฯ (NOAA) ระบุว่าสภาพภูมิอากาศในเขตมหาสมุทรแปซิฟิกช่วงตั้งแต่ปลายเดือน ก.พ. 2567 เป็นต้นไป ยังคงอยู่ในภาวะฝนน้อยน้ำน้อยหรือ El Nino จะเกิดต่อเนื่องไปจนถึงเดือน พ.ค. 2567 แต่มีโอกาสราว 79% ที่สภาพภูมิอากาศจะเข้าสู่ภาวะปกติหรือสภาวะเป็นกลาง ในช่วงเดือน เม.ย.-มิ.ย. 2567 เป็นเวลาสั้น และมีโอกาสถึง 55% ที่ภูมิอากาศจะเข้าสู่ภาวะฝนมากน้ำมาก หรือ La Nina ในช่วงเดือน มิ.ย.-ส.ค. 2567 โดยอุณหภูมิของผิวน้ำทะเล ณ จุดต่างๆ ในเขตศูนย์สูตรตอนกลางและด้านตะวันออกของมหาสมุทรแปซิฟิกมีค่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยของปีปกติ สภาวะเช่นนี้มีผลทำให้ประเทศไทยเผชิญทั้งภาวะ El Nino และต่อเนื่องไปเป็นภาวะ La Nina ในปีเดียวกัน ซึ่งสอดคล้องกับการคาดหมายฝนรายเดือนของกรมอุตุนิยมวิทยาที่ระบุว่า ตั้งแต่เดือน ก.พ.-พ.ค. 2567 พื้นที่ส่วนใหญ่ของไทยจะมีฝนรวมต่ำกว่าค่าปกติ เดือน มิ.ย.-ก.ค. 2567 จะมีฝนรวมสูงกว่าค่าปกติ และจะมีฝนตกหนักมาก หรือเข้าสู่ภาวะ La Nina ในเดือน ส.ค. 2567  

สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ ในเดือน มี.ค.-เม.ย. 2567 ซึ่งยังอยู่ในช่วง El Nino อุณหภูมิในประเทศจะสูงขึ้นมาก มีความเป็นไปได้ว่าจะร้อนจัดถึง 40-45 องศาเซลเซียส ทำให้แหล่งน้ำขนาดเล็กที่กระจายอยู่ทั่วประเทศจะมีน้ำน้อยลงหรือไม่มีเลย ซึ่งจะกระทบกับน้ำกินน้ำใช้ของประชาชน จึงต้องเตรียมตัวจัดหาและกักเก็บน้ำไว้ รวมทั้งหาแหล่งน้ำสำรองจากอ่างเก็บน้ำขนาดกลางและขนาดใหญ่ ส่วนชาวนาที่ปลูกข้าวนาปรัง น้ำในแปลงนาจะระเหยไปเร็วมากจึงต้องสูบน้ำเข้านาเพิ่มขึ้นเพื่อชดเชยกับน้ำที่ระเหยออกไป ทำให้มีค่าใช้จ่ายในการสูบน้ำมากขึ้น ทั้งนี้ ปัจจุบันมีการปลูกข้าวนาปรังไปแล้ว 8.5 ล้านไร่ ขณะที่แผนการเพาะปลูกข้าวนาปรัง ปี 2566/67 กำหนดให้ปลูกไม่เกิน 5.8 ล้านไร่ (ประชาชาติธุรกิจ, 4-6 มี.ค. 2567)