ข่าวเศรษฐกิจ

กลุ่มบริษัท เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ KTIS คาดว่าผลการดำเนินงานในปี 2567 จะดีขึ้นมากจากปี 2566 ที่มีรายได้รวม 20,096 ล้านบาท แม้จะเผชิญปัญหาภัยแล้งที่ทำให้ปริมาณอ้อยเข้าหีบและน้ำตาลทรายลดลง จนผลประกอบการไตรมาส 1/2567 (ต.ค.-ธ.ค. 2566) ขาดทุนสุทธิ 788.53 ล้านบาท เนื่องจากมีปัจจัยบวกที่ส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจ คือ ราคาน้ำตาลทรายในประเทศที่ปรับขึ้นกิโลกรัมละ 2 บาท ทำให้บริษัทฯ มีรายได้เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันราคาอ้อยที่สูงขึ้นทำให้มีการขยายพื้นที่เพาะปลูก หนุนให้ปริมาณผลผลิตอ้อยเพิ่มขึ้น อีกทั้งคาดว่าราคาเฉลี่ยน้ำตาลทรายรวมพรีเมียมในปี 2567 จะมีราคาดีที่ 25 เซนต์/ปอนด์ ประกอบกับการอ่อนค่าของเงินบาททำให้บริษัทฯ มีรายได้เพิ่มขึ้น เนื่องจากส่งออกน้ำตาลทรายคิดเป็น 65-70% ของการผลิตรวม และยังได้แรงหนุนจากราคาเอทานอลที่ปรับขึ้นจาก 23-24 บาทในอดีต เป็นลิตรละ 40 บาท ในปี 2567 

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีธุรกิจใหม่ที่สร้างรายได้ในปี 2567 คือ ธุรกิจผลิตบรรจุภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อมจากชานอ้อย ปัจจุบันอยู่ในช่วงทดลองผลิต คาดว่าจะเริ่มเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในเดือน เม.ย. 2567 โดยจะเน้นทำตลาดแบบรับจ้างผลิต (OEM) รวมทั้งธุรกิจที่ร่วมทุนกับพันธมิตร คือ โครงการนครสวรรค์ไบโอคอมเพล็กซ์ (NBC) เฟส 1 และเฟส 2 โดยโครงการเฟสแรกได้ผลิตเชิงพาณิชย์ไปแล้วในปี 2566 และจะรับรู้รายได้จากไฟฟ้าเต็มปีในปี 2567 ส่วนการก่อสร้างสาธารณูปโภค ทั้งไฟฟ้าและการบำบัดน้ำเสียในเฟส 2 ล่าช้ากว่ากำหนดการเดิมเล็กน้อย ตามโครงการผลิตพลาสติกชีวภาพประเภท PLA ของบริษัท NatureWorks แต่คาดว่าจะเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ได้ภายในไตรมาส 3/2567 (ผู้จัดการรายวัน 360 องศา, 5 มี.ค. 2567)