ข่าวเศรษฐกิจ

คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับ 5 หน่วยงานพันธมิตร คือ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) สมาคมผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชน สมาคมพลังงานหมุนเวียน (RE100) มูลนิธิพลังงานสะอาดเพื่อประชาชน กลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียน และกลุ่มอุตสาหกรรมผู้ผลิตไฟฟ้า สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เพื่อศึกษาแนวทางการสนับสนุนให้ผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนสามารถจ่ายไฟฟ้าพลังงานสะอาดให้แก่ผู้ประกอบกิจการในเขตพื้นที่ EEC ผ่านระบบโครงข่ายไฟฟ้าใหม่ ซึ่งจะนำไปสู่รูปแบบของการซื้อขายไฟฟ้ากันเองโดยตรงระหว่างผู้ผลิตกับผู้ใช้ (Direct PPA) ตามเป้าหมาย 2,000 เมกะวัตต์ (MW) (จากความต้องการใช้ไฟฟ้าพลังงานสะอาดในพื้นที่ EEC ที่ ส.อ.ท. ประเมินเบื้องต้นไว้ 10,000 MW) 

ทั้งนี้ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) คาดว่าจะใช้เวลา 4 เดือนเพื่อสรุปแนวทางการซื้อขายไฟกันเอง ระบบสายส่ง ต้นทุนการสร้างระบบโครงข่ายไฟฟ้า การประเมินต้นทุนและผลประโยชน์เชิงสังคม พื้นที่ใดเหมาะสม ขนาดเท่าใดจึงจะคุ้มค่า ใครคือผู้ผลิต อุตสาหกรรมใดคือผู้ใช้ และอัตราราคาการซื้อ-ขายไฟฟ้า ซึ่งภายใต้ พ.ร.บ. EEC ได้ให้อำนาจของเลขาฯ EEC ในการอนุมัติ อนุญาต โครงการและกิจการที่จะเกิดขึ้นใน EEC ซึ่งหมายความว่าการอนุญาตตั้งโรงไฟฟ้าสะอาด ผลิต จนถึงกระบวนการขายได้นั้นสามารถดำเนินการได้เช่นเดียวกับอำนาจของ กกพ. ซึ่งจะช่วยย่นระยะเวลาจาก 1-2 ปี ให้เหลือเพียง 6 เดือน (ประชาชาติธุรกิจ, 22-24 ก.ค. 2567)