ข่าวเศรษฐกิจ

ก.พาณิชย์ตั้งเป้าส่งออกปี 2568 ขยายตัว 2-3%

กระทรวงพาณิชย์คาดการณ์ว่ามูลค่าส่งออกในปี 2568 จะขยายตัว 2-3% หรือคิดเป็นมูลค่า 3.06-3.09 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ จากฐานปี 2567 ที่คาดว่าจะมีมูลค่า 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 5.2% โดยคาดว่าเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าสำคัญ เช่น สหรัฐฯ จีน EU และญี่ปุ่น จะเติบโตปานกลางจากความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ที่จะชะลอการเติบโตของเศรษฐกิจโลก รวมทั้งสร้างความเสี่ยงให้เงินเฟ้อกลับมาสูงขึ้นอีกครั้ง จึงอาจจะเห็นการประกาศลดดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มเติมอีกไม่มากนัก ขณะที่ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์และการแบ่งขั้วทางเศรษฐกิจจะกลับมารุนแรงขึ้น อาจส่งผลให้ต้นทุนสินค้าปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งจะกดดันการเติบโตของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า แต่คาดว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าหลักจะช่วยเพิ่มการลงทุนและการบริโภค ซึ่งจะเป็นผลดีต่อการส่งออกของไทย 

สำหรับการส่งออกสินค้าเกษตรมีแนวโน้มขยายตัวได้ดี จากอิทธิพลของ La Nina ตั้งแต่กลางปี 2567 ทำให้มีปริมาณน้ำเพียงพอและได้ผลผลิตดี แต่ยังมีความเสี่ยงจากปัญหาโลกร้อน เงินบาทแข็งค่า การแข่งขันสูง รวมทั้งมาตรการการค้าที่เข้มงวดของประเทศคู่ค้า โดยสินค้าที่คาดว่าการส่งออกจะเติบโต ได้แก่ ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง น้ำตาลทราย ยางพารา ไก่สดแช่เย็นแช่แข็งและแปรรูป อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ผลไม้กระป๋องและแปรรูป และอาหารสัตว์เลี้ยง ส่วนการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมมีแนวโน้มขยายตัวเล็กน้อย โดยคาดว่าผู้ส่งออกจะเร่งส่งออกในช่วงครึ่งปีแรกก่อนที่มาตรการปรับขึ้นภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ จะมีความชัดเจน อย่างไรก็ตาม ไทยยังได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิตในอุตสาหกรรมที่มีความจำเป็นต่อการปรับโครงสร้างการผลิตของไทย เช่น Data Center รวมถึงการผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง เช่น wafer หรือแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ (PCB) และการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน โดยสินค้าอุตสาหกรรมที่คาดว่าการส่งออกจะเติบโต ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และชิ้นส่วน เครื่องโทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ (PCB) รถยนต์ EV และเคมีภัณฑ์ แต่ยังต้องเฝ้าระวังสินค้าที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากนโยบายทรัมป์ 2.0 ได้แก่ กลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์และชิ้นส่วน เครื่องใช้ไฟฟ้า ชิ้นส่วนยานยนต์ และโซลาร์เซลล์ (กรุงเทพธุรกิจ, 2 ม.ค. 2568) 

Related
more icon
Most Viewed
more icon
  • ราคาไม้สับเพิ่มขึ้นแตะระดับตันละ 1,300-1,350 บาท สูงสุดในรอบ 10 ปี

    สมาคมการค้าชีวมวลไทยเปิดเผยว่า ปัจจุบันผลผลิตพืชเกษตรหลายประเภท อาทิ อ้อย ลดลงมาก ปริมาณวัสดุเหลือใช้ที่นำมาผลิตเป็นเชื้อเพลิงชีวมวลจึงลดลงตามไปด้วย ส่งผลให้ความต้องการไม้สับ (Wood Chips) ที่ผลิตจากไม้ยางพารา ไม้ยูคาลิปต...

    calendar icon27.01.2021
  • เผยรายชื่อโรงพยาบาลเอกชนที่สั่งซื้อวัคซีนป้องกัน COVID-19 จากบริษัทต่างชาติ

    แหล่งข่าวจากวงการโรงพยาบาลเอกชนเปิดเผยว่า ขณะนี้โรงพยาบาลเอกชนหลายแห่งต้องการสั่งซื้อวัคซีนป้องกัน COVID-19 จากบริษัทผู้พัฒนาต่างชาติ (ที่นอกเหนือจากของ AstraZeneca อาทิ Moderna) เพื่อหวังจะนำวัคซีนดังกล่าวมาให้บริการแก่...

    calendar icon08.01.2021
  • เอกชนรุกลงทุนโรงพยาบาลใหม่

    สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมามีโรงพยาบาลเอกชนหลายแห่งทยอยยื่นรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) เพื่อขออนุญาตดำเนินโครงการ ทั้งโครงการใหม่และส่วนต่อขยาย ซึ่ง ...

    calendar icon08.01.2018
link อื่นๆ
  • Relate Preview
  • Relate Preview
Financial Products
  • Finance Preview
  • Finance Preview
  • Finance Preview