ข่าวเศรษฐกิจ

สบส. ชี้สมรสเท่าเทียมดันไทยเป็นฮับรักษามีบุตรยาก-เสริมความงาม-แปลงเพศครบวงจร

กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า เมื่อ พรบ.สมรสเท่าเทียมมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 23 ม.ค.2568 นอกจากจะสร้างความเท่าเทียมในการสมรสแล้ว ยังเป็นโอกาสทางเศรษฐกิจของประเทศด้วย โดยเฉพาะด้านบริการทางการแพทย์และการดูแลสุขภาพ อาทิ 

- การรักษาภาวะมีบุตรยาก : ช่วงก่อนหน้านี้มีชาวจีนเข้ามารับบริการในไทยจำนวนมาก ก่อนจะชะลอไปในช่วง COVID-19 แต่คาดว่าหลังจากนี้น่าจะมีคนไข้มารับบริการเพิ่มขึ้น เนื่องจากฝีมือแพทย์ไทยดีและเป็นที่ยอมรับ ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการรับบริการไม่สูงนัก และมีบริการครบวง นอกจากนี้ ไทยยังอยู่ระหว่างการแก้ไขปรับปรุง พรบ.คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ. 2558 (พรบ.อุ้มบุญ) ซึ่งใช้มากว่า 9 ปีแล้ว โดยหลังจากมีการแก้ไข จะเปิดให้คู่สมรสต่างชาติทั้งคู่สามารถเข้ามารับบริการทำอุ้มบุญในประเทศไทยได้ โดยหาคนรับตั้งครรภ์ที่เป็นคนชาติเดียวกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งของคู่สมรสต่างชาติมาด้วย และเมื่อมีการปรับให้สอดคล้องกับ พรบ.สมรสเท่าเทียม คู่สมรสต่างชาติจึงอาจเป็นชาย-ชาย หรือหญิง-หญิงก็ได้ 

- เวชกรรมความงามและการแปลงเพศ : ตามที่บอร์ดเมดิคัลฮับได้สั่งให้ศึกษาความเป็นไปได้กรณีไทยเป็นศูนย์กลางเวชกรรมความงามและการแปลงเพศนั้น สบส. ยังเดินหน้าผลักดัน โดยชูประเด็นส่วนของการแปลงเพศเป็นแกนหลัก แล้วให้บริการด้านอื่นๆ มาช่วยเสริม ซึ่งกระแส พรบ.สมรสเท่าเทียมในปัจจุบัน อาจทำให้มีผู้สนใจมากขึ้นทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ซึ่งจะทำรายได้ให้ประเทศสูงพอสมควร ทั้งนี้ ประมาณการกรณีเสริมความงามและแปลงเพศมีผู้รับบริการทั้งชาวไทยและต่างชาติปีละ 1.2 ล้านคน ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยรายละ 5 แสนบาท จะสร้างรายได้ปีละกว่าแสนล้านบาท 

ทั้งนี้ ในส่วนของโรงพยาบาลเอกชนต่างจัดให้มีคลินิกหรือศูนย์บริการเฉพาะแก่กลุ่มบุคคลหลากหลายทางเพศให้เข้าถึงการบริบาลได้ครอบคลุมทุกมิติ เช่น Pride Clinic ของ รพ.บำรุงราษฎร์ลินิกสุขภาพเพศเท่าเทียม (All Gender Clinic) รพ.สมิติเวช ชลบุรี บริการทางการแพทย์ด้านกลุ่มหลากหลายทางเพศ Rainbow Services (LGBTQ+) ของศูนย์การแพทย์ รพ.นครธน และยังมีโรงพยาบาลเอกชนอีกหลายแห่งที่จัดโปรแกรมตรวจสุขภาพของกลุ่มหลากหลายทางเพศ ครอบคลุมทั้งการตรวจพื้นฐานที่จำเป็น และการตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่สอดคล้องกับรสนิยมทางเพศของตนเอง (กรุงเทพธุรกิจ, 27 ม.ค. 2568) 

Related
more icon
Most Viewed
more icon
  • ราคาไม้สับเพิ่มขึ้นแตะระดับตันละ 1,300-1,350 บาท สูงสุดในรอบ 10 ปี

    สมาคมการค้าชีวมวลไทยเปิดเผยว่า ปัจจุบันผลผลิตพืชเกษตรหลายประเภท อาทิ อ้อย ลดลงมาก ปริมาณวัสดุเหลือใช้ที่นำมาผลิตเป็นเชื้อเพลิงชีวมวลจึงลดลงตามไปด้วย ส่งผลให้ความต้องการไม้สับ (Wood Chips) ที่ผลิตจากไม้ยางพารา ไม้ยูคาลิปต...

    calendar icon27.01.2021
  • เผยรายชื่อโรงพยาบาลเอกชนที่สั่งซื้อวัคซีนป้องกัน COVID-19 จากบริษัทต่างชาติ

    แหล่งข่าวจากวงการโรงพยาบาลเอกชนเปิดเผยว่า ขณะนี้โรงพยาบาลเอกชนหลายแห่งต้องการสั่งซื้อวัคซีนป้องกัน COVID-19 จากบริษัทผู้พัฒนาต่างชาติ (ที่นอกเหนือจากของ AstraZeneca อาทิ Moderna) เพื่อหวังจะนำวัคซีนดังกล่าวมาให้บริการแก่...

    calendar icon08.01.2021
  • เอกชนรุกลงทุนโรงพยาบาลใหม่

    สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมามีโรงพยาบาลเอกชนหลายแห่งทยอยยื่นรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) เพื่อขออนุญาตดำเนินโครงการ ทั้งโครงการใหม่และส่วนต่อขยาย ซึ่ง ...

    calendar icon08.01.2018
link อื่นๆ
  • Relate Preview
  • Relate Preview
Financial Products
  • Finance Preview
  • Finance Preview
  • Finance Preview